วันนี้ไม่เพียงพรรคเพื่อไทย ที่มีท่าทีเก้ๆ กังๆ กับการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล หลังพรรคประชาชน บากหน้าไปร้องขอให้ชะลอเอาไว้ก่อน เพื่อรอให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านการลงมติวาระ 3 แล้วค่อยยื่น
ข้อเสนอของพรรคสีส้ม เป็นเหมือนบันไดที่นำมาพาดให้เพื่อไทยหาทางลงสวยๆ จากการออกตัวแรงเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไว้ ทั้งๆ ที่ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ไม่พร้อม แต่ก็ยังสงวนท่าที ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้
ในขณะที่พรรคสีส้มเอง ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้น ถึงขั้นทำ MOA สนับสนุนให้พรรคภูมิใจไทย จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้สำเร็จ แต่ก็ไม่วายทำตัวเหยียบเรือสองแคม
ไม่กล้าแสดงตัวต่อสาธารณะว่า ไม่ร่วมสังฆกรรมกับเพื่อไทย หากจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในระหว่างนี้ เพราะต้องการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ ไม่ใช่เป็นฝ่ายค้ำรัฐบาล
แต่กลับทำตัวกำกวม อ้างเป็นสิทธิของเพื่อไทยหากจะยื่น ทั้งยังพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบด้วยเมื่อถึงวันนั้น
จนทำให้ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ต้องส่งสัญญาณซ้ำๆ หลายครั้ง ทั้งการพร้อมยุบสภาก่อนกำหนด การประกาศตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี การเตรียมความพร้อมเลือกตั้ง ไปถึงการกำหนดวันเทกระจาด ครม.ทิ้งทวน
ทว่าอีกด้าน รัฐบาลก็ยังแสดงความจริงใจให้เห็นด้วยการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 10-11 ธันวาคม ก่อนหน้าการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญเพียงสองวัน เพื่อรองรับการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2-3 ที่คณะกรรมาธิการฯ พิจารณาเสร็จแล้ว
เพื่อจะได้ทิ้งไว้ 15 วัน และไปลงมติวาระ 3 ในวันที่ 26 ธันวาคม จากนั้น ก็ส่งให้ ครม.นำเข้าสู่กระบวนการจัดทำประชามติต่อไป
ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่น หากไม่ไปสะดุดเข้ากับข้อสังหรณ์ใจของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ กมธ.จากสัดส่วน สว.เข้าเสียก่อน เพราะไม่รู้เนื้อหาที่ปรับแก้กันนั้น จะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือว่ารอไปตายเอาดาบหน้า ต้องดูอีกครั้ง
“ขณะนี้ข้อสรุปของ กมธ.สวนทางกับคนแปรญัตติจำนวนมาก จึงเชื่อว่าจะทำให้การประชุมวาระสอง ยืดเยื้อยาวนาน ซึ่งแนวโน้มการลงมติของ สว.นั้น ผมเป็นห่วงว่าเมื่อถึงที่สุดแล้ว สว.จะลงคะแนนให้ไม่ผ่านตามสัดส่วนที่รัฐธรรมนูญกำหนด และหลังจากพิจารณาวาระสองแล้วต้องพักไว้ 15 วัน ซึ่งเป็นห้วงอันตราย และผมสังหรณ์ใจไม่อยากให้เป็นแบบนั้น แต่มีร่องรอย ไม่อยากให้ล่มก่อนวาระสาม"
สำหรับประเด็นที่จะเป็นจุดพลิกผัน ทำให้ สว.ไม่เอาด้วยนั้น นพ.เปรมศักดิ์ ชี้ไว้ 2 ประเด็น คือ คุณสมบัติของผู้จะเข้าไปทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน กับเกณฑ์การออกเสียงเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญทำเสร็จแล้ว ที่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะใช้เกณฑ์ สว.เห็นชอบ 1 ใน 3 ด้วยหรือไม่
โบราณว่า จิ้งจกทักยังต้องฟัง
แต่นี่เป็นเสียงจาก สว.ที่ร่วมอยู่ในคณะกรรมาธิการฯ ชุดนี้ด้วย จึงต้องสดับตรับฟังเอาไว้บ้าง เพราะอีกด้าน ยังมีเสียงร่ำลือหนาหูถึงท่าทีของรัฐบาลสีน้ำเงินอยู่ จะเอาจริงขนาดไหนเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ไม่รู้จะเป็นภูมิใจไทยการละคร ซ้ำรอยเพื่อไทยการละครอีกหรือไม่?
เรื่องนี้ยังต้องฟังหูไว้หู เพราะข้อมูลมาจากหลายทาง บ้างบอกการละครเหมือนกัน แต่ตีบทแตก เล่นได้สมจริงกว่า บ้างบอกว่าเป็นของจริง และผ่านการพูดคุยจนตกผลึกกันในทุกเรื่องแล้ว ไม่มีแกล้งล้มหน้าประตูแน่
นาทีนี้จึงอยู่ที่พรรคส้มจะเอาอย่างไร ระหว่างการค้ำรัฐธรรมนูญ กับคำครหาค่อนแคะเรื่องค้ำรัฐบาล


