ถอดรหัส 2637 เหรียญสองด้าน ‘ผบ.ปู’ เลือกถูกทางเป็น ‘วีรบุรุษ’ เลือกทางผิด…ชีวิตอาจเปลี่ยน

10 ก.ย. 2568 - 08:22

  • ถอดรหัสหมายเลข 2637 วิเคราะห์โผนายทหาร2568 ของ ‘ผบ.ปู’ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.

  • ตท.26 วางกำลังคุมกรมกองในกองทัพบกแบบเต็มอัตรา ไม่ต้องเอาปากกามาวง เพราะแทบจะไม่มีรุ่นอื่นแทรก

ถอดรหัส 2637 เหรียญสองด้าน ‘ผบ.ปู’ เลือกถูกทางเป็น ‘วีรบุรุษ’ เลือกทางผิด…ชีวิตอาจเปลี่ยน

ยิ่งกว่าอื้ออึงไปทั้งกองทัพบก เพราะโผทหารประจำปี 2568 กลายเป็นโผในรหัส 2637 เมื่อส่วนหัวของแต่ละหน่วย ทั้งสายคุมกำลัง สายสนับสนุน และสายบริการ ล้วนแต่เป็นนายทหารจากเตรียมทหาร 26 หรือ จปร.37 เกือบทั้งหมด

ในระดับ 5 เสือกองทัพบก มีเพียง พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ตท.27 ที่แหวกโผเข้าไปเป็น ผช.ผบ.ทบ. เพียงคนเดียว ที่เหลืออีก 4 เสือ รวมทั้งหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เป็น ตท.26 ทั้งหมด

เมื่อถอดโครงสร้างการจัดหน่วยของกองทัพบก ที่ประกอบด้วย ส่วนบัญชาการ ส่วนกำลังรบ ส่วนสนับสนุนการรบ ส่วนส่งกำลังบำรุง และส่วนพัฒนาประเทศนั้น พบว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้จัดเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 เข้าเป็น ผบ.หน่วยกว่าร้อยละ 80 ในระดับคุมกำลัง 

เริ่มจากกองทัพภาค มีเพียงกองทัพภาคที่ 1 เท่านั้นที่ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ (ตท.28) ขยับจากแม่ทัพน้อยที่ 1 เข้าไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เพราะที่เหลือทั้งกองทัพภาคที่ 2 กองทัพภาคที่ 3 กองทัพภาคที่ 4 และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ หรือกองทัพภาคที่ 5 ทั้งหมดเป็นนายทหารจาก ตท.26 เช่นกัน

เมื่อรวมกับการแต่งตั้งรอบที่ผ่านมา ซึ่งมีชื่อ พล.ท.ไพบูลย์ พุ่มพิเชฏฐ์ (ตท.26) ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก ซึ่งเสมือนดั่งกองทัพภาคที่ 6 เพราะคุมกำลังหน่วยปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานทั้งหมด ทำให้ ตท.26 คุมกำลังทั้ง 6 ภาคเกือบเบ็ดเสร็จ

ส่วนกำลังรบในส่วนของกองพลทหารม้า ซึ่งมี 3 กองพล ตท.26 ยังเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารม้าถึง 2 กองพล ขยับรอบนี้ พ.อ.สาธิต ไวยนนท์ (ตท.26) ขยับจากรองผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ เป็นผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 1 และในบัญชีโยกย้ายเดือนเมษายนที่ผ่านมา พล.ต.เรืองพงษ์ วงศ์ศรีสุข (ตท.26) ก็ขยับเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 3 

ส่วนการสนับสนุนการรบ ส่วนส่งกำลังบำรุง และส่วนบัญชาการ ตท.26 ก็พาเหรดเข้าคุมส่วนหัวของหน่วยแทบทั้งหมดเช่นกัน โดยส่วนส่งกำลังบำรุงที่ประกอบด้วย 9 กรมหลักนั้น ตท.26 เป็นเจ้ากรมถึง 6 กรม คือ 

1. พล.ท.ณัฐพร ขวัญแย้ม เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก

2. พล.ต.นรงฤทธิ์ สุวรรณภักดิ์ เจ้ากรมการขนส่งทหารบก

3. พล.ท.พิจิตร บุญญสุวรรณ เจ้ากรมพลาธิการทหารบก

4. พล.ต.อนวัช พจนวรพงษ์ เจ้ากรมยุทธโยธาทหารบก

5. พล.ท.พรเทพ ยังรักษา เจ้ากรมการทหารสื่อสาร 

6. พล.ท.ธีรพล ศรีเกษม เจ้ากรมการทหารช่าง

ส่วนกรมสำคัญที่เหลือในสายงานบัญชาการ ตท.26 ยังเป็นเจ้ากรมสำคัญที่ดูแลสายหลัก โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องทั้งงานยุทธการ งานจัดซื้อ จัดจ้าง งานสายพัฒนากำลังรบ ที่ประกอบด้วย 

1. พล.ท.กมล กฤษวงศ์ ปลัดบัญชีทหารบก

2. พล.ท.ธีรนันท์ นันทขว้าง เจ้ากรมข่าวทหารบก

3. พล.ท.กรัณย์ สถิตยุทธการ เจ้ากรมส่งกำลังบำรุง

4. พล.ท.ชวลิต เอี่ยมแทน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก

5. พล.ท.ธนิศร์ ยูสานนท์ เจ้ากรมกำลังพล

6. พล.ต.สมสกุล วิจิตรภาพ เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก 

7. พล.ต.สันติพงษ์ มั่นคงดี เจ้ากรมการสารวัตรทหารบก

8. พ.อ.เกษม ปิ่นแก้ว เจ้ากรมจเรทหารบก

9. พล.ท.วัชรินทร์ มุทะสินธิ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน

ส่วนกรมสำคัญที่เหลือเป็น ตท.27 จำนวน 3 กรม ,ตท.28 หนึ่งส่วนงาน และตท.31 อีก 2 กรม กับ 1 ส่วนงาน คือ  

1. พล.ท.เกรียงชัย ประสงค์สุกาญจน์ (ตท.27) เจ้ากรมการแพทย์ 

2. พล.เรืองศักดิ์ แก่นกำจร (ตท.27) เจ้ากรมวิทยาศาสตร์ทหารบก 

3. พล.ต.บัญชา ขาวงาม (ตท.27) เจ้ากรมสารบรรณทหารบก

4. พล.ต.ระวี  ตั้งพิทักษ์กุล (ตท.28)ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพบก

5. พล.ต.สมพงษ์  สุขประดิษฐ์ (ตท.31) กรมการสัตว์ทหารบก

6. พล.ท.ณัฐวุฒิ ภาสุวณิชยพงศ์ (ตท.31) เจ้ากรมยุทธการทหารบก

7. พล.ต.วุฒิไกร พิบำรุง (ตท.31) ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจสอบภายในทหารบก

ส่วนสนับสนุนการรบ แม้จะกระจายออกเป็น 3 รุ่น คือ 

1. พ.อ.จิระเดช  ขจายแสง (ตท.27) ผู้บัญชาการกองพลช่าง

2. พล.ต.วรการ ฮุ่นตระกูล (ตท.29) ผู้บัญชาการกองพลปืนใหญ่ 

3. พ.อ.อภิชัย ทองธรรมชาติ (ตท.31) ผู้บัญชาการหน่วยกรองทางทหาร

แต่ทั้ง 2 ใน 3 กองพล คือ พ.อ.จิระเดช ผบ.กองพลทหารช่าง และ พ.อ.ภิชัย ทองธรรมชาติ ผบ.หน่วยข่าวกรองทางทหาร ซึ่ง ‘พล.อ.พนา’ ลงนามแต่งตั้ง ก็เป็นนายทหารในสายของ ตท.26 โดยเฉพาะ ’พ.อ.อภิชัย‘ เป็นนายทหารที่เติบโตมาในกรมยุทธการทหารบก ซึ่งทำงานใกล้ชิดมากับ พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ อดีตเจ้ากรมยุทธการทหารบก ว่าที่เสนาธิการทหารบกคนใหม่

มีเพียง พล.ต.วรการ ผบ.กองพลทหารปืนใหญ่ ตท.29 ที่แต่งตั้งในยุคของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ (ตท.22) อดีต ผบ.ทบ. 

การวางกำลังเพื่อน ตท.26 ลงในแทบทุกตำแหน่งสำคัญ มองแบบเร็วๆ มองแบบเหรียญด้านเดียว อาจเห็นภาพการวางฐานอำนาจ การสนับสนุนเพื่อนร่วมรุ่น ท่ามกลางเสียงวิพากษ์เรื่อง “เอาแต่เพื่อน เอาแต่รุ่น” บ้างก็วิพากษ์หนักถึงขั้น “กินรวบ” 

แต่หากมองให้ครบมุม หากมองโดยยึดเอาสิ่งที่เกิดขึ้นหน้างาน จากสนามรบไทย-กัมพูชา ยึดเอาผลลัพธ์ของความพยายามในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอด 1 ปีของการดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก 

‘พล.อ.พนา’ มีเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่าคำว่า “เลือกแต่งตั้งเฉพาะเพื่อน” หรือ “กินรวบ”

ปัญหาหน้างานที่เกิดขึ้น 5 วันในสนามรบไทย-กัมพูชา คือ ฝ่ายไทยอาจเอาชนะและช่วงชิงความได้เปรียบในสมรภูมิรอบนี้ ทั้งจากกำลังรบที่เหนือกว่า ทั้งทางอากาศ ทางบก ยุทธวิธี และพลังการยิงที่แม่นยำของทหารปืนใหญ่ไทย 

ความสูญเสียของฝ่ายกัมพูชา เกิดจากปฏิบัติการทางอากาศที่แม่นยำ รวดเร็ว และรุนแรง 

BM-21 ของกัมพูชา ถูกทำลายทันทีที่ออกมาจากที่ซ่อน และเริ่มการยิงไม่กี่ชุด ด้วยความแม่นยำแบบจับวางของปืนใหญ่ฝ่ายไทย ความแม่นยำที่ถูกบอกพิกัดด้วยฝีมือของทีมผู้ตรวจการณ์หน้า หรือ ผตน. ที่ผ่านการฝึกมาอย่างดี 

ทหารราบฝีมือดีของหน่วย BHQ และคอมมานโด 911 ของกัมพูชา ต้องเจอกับหน่วยรบพิเศษของไทย ทั้งกองพันจู่โจม ฉก.90 และรบพิเศษจากกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ที่กำลังปรับหน่วยจากหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว หรือ RDF : Rapid Deployment Forceเป็น RDF-X 

พื้นที่ภูมะเขือ ปราสาทตาควาย ช่องอานม้า ช่องบก และปราสาทตาเมือน นอกเหนือกำลังทหารราบของกองทัพภาคที่ 2 ทั้งทหารหลักและทหารพราน ยังมีกำลังเสริมจากรบพิเศษ และ RDF เข้าสนับสนุน โดยเฉพาะการปะทะกันในคืนสุดท้ายก่อนหยุดยิง 

การรบทั้ง 5 วันโดยรวม ฝ่ายไทยสูญเสียน้อยกว่ากัมพูชาแบบเทียบกันไม่ได้… 

การรบทั้ง 5 วัน เราได้ดินแดนที่กัมพูชา เคยรุกคืบเข้ามาถึง 11 จุด เหลือเพียงพื้นที่ ‘ปราสาทตาควาย’ และเนิน 350 ที่ยังคาใจจากมวลชนหลายฝ่ายว่า ทำไมถึงยังยึดคืนไม่ได้ 

มองผิวเผินนี่คือชัยชนะของกองทัพไทย ที่เหนือกัมพูชาแบบเทียบกันยาก

แต่หากมองลึกลงไป จะเห็นชัดว่า กัมพูชาพัฒนาขีดความสามารถการรบรูปแบบใหม่ไปไกลมาก 

โดยเฉพาะการรบในรูปแบบไฮบริดวอร์แฟร์ (Hybrid Warfare) หรือ สงครามลูกผสม ที่เป็นยุทธศาสตร์การรบแบบใหม่ ที่ผสมผสานวิธีการรบทั้งแบบตามแบบ และนอกรูปแบบ เช่น สงครามไซเบอร์, การเผยแพร่ข่าวปลอม, การแทรกแซงทางการเมือง, แรงกดดันทางเศรษฐกิจ เพื่อบ่อนทำลาย หรือสร้างความสับสนให้กับเป้าหมาย โดยหลีกเลี่ยงการระบุตัวตนผู้ก่อเหตุ และการตอบโต้กลับ

กัมพูชายังมีการพัฒนากองพันโดรน กองพันหน่วยซุ่มยิง และมีโดรนทางการทหาร โดรนทางการทหาร : Military Drone หรือ UAV ที่หลากหลายรูปแบบ จากการสนับสนุนทั้งจากจีนและรัสเซีย 

กองพันโดรนของกัมพูชา ยังมีเครื่องตรวจจับพิกัดพลบังคับโดรนของฝ่ายไทย และสามารถโต้ตอบและโจมตีกลับได้อย่างแม่นยำ 

ความสูญเสียในระยะแรกของฝ่ายไทย โดยเฉพาะวันที่ 25 กรกฎาคม ที่มีกำลังพลเสียชีวิตถึง 6 นาย และทั้ง 6 นาย เป็นหน่วยรบชั้นดีของกองทัพบก รวมถึงการสูญเสียผู้ตรวจการณ์หน้า ส่วนใหญ่เป็นการสูญเสียจากระเบิดที่ถูกยิงมาจากปืน ค.60 ของฝ่ายกัมพูชา 

ผลการรบทั้ง 5 วัน สะท้อนว่า กัมพูชามีระบบการพัฒนากองทัพ การพัฒนากำลังพล และการจัดหาอาวุธที่ตรงตามความต้องการได้ตรงเป้า รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ 

ด้านหนึ่งอาจเป็นเพราะอำนาจรวมศูนย์อยู่ที่ตระกูลฮุน ทั้ง ‘ฮุน เซน’ และ ’ฮุน มาเนต’ ที่สั่งการได้โดยตรง

การจัดหาอาวุธ และการพัฒนากำลังรบ ก็ล้วนแต่มาจากชาติมหาอำนาจที่คาดหวังผลประโยชน์จากกัมพูชา 

ขณะที่ไทยเต็มไปด้วยกระบวนการจัดหา กระบวนการพัฒนาทั้งอาวุธ และการจัดกำลังรบที่ต้องเป็นไปตามแผน ผ่านระบบสายพานการจัดหา ที่ต้องผ่านหลายหน่วยงาน 

เรื่องเล็กๆของกองทัพไทย ที่เริ่มต้นจากรองเท้าคอมแบตของกำลังพล เครื่องแบบ เสื้อเกราะ หมวกกันกระสุน หรือ แม้กระทั่งการจัดหาโดรน ระบบแอนตี้โดรน ไม่ได้จัดหาตรงกับความต้องการ และเหมาะสมกับพื้นที่ และสนามรบ

เรื่องเล็กๆที่กำลังพัฒนาเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อกองทัพไทยวันนี้ ยังเผชิญหน้ากับสงครามโดรนที่ชายแดน โดรนของกัมพูชาที่ผลัดกันขึ้นมาบินทดสอบขีดความสามารถการตรวจจับ และการสกัดกั้นของฝ่ายไทย 

กำลังพลที่ต้องเผชิญกับการใส่รองเท้าคอมแบตและถุงเท้า ท่ามกลางสมรภูมิที่เต็มไปด้วยแอ่งน้ำ และความชื้น 

กำลังพลที่ต้องสวมเสื้อกันกระสุน และหมวกกันกระสุนที่ไม่ได้ออกแบบให้เหมาะสมกับรูปแบบการรบเฉพาะหน่วย ไม่เว้นแม้แต่แว่นกันสะเก็ดระเบิด รองเท้าป้องกันกับระเบิด 

ทั้งหมดล้วนเป็นปัญหาที่ทีมงานของ ‘พล.อ.พนา’ เห็นชัดในการรบทั้ง 5 วันรอบนี้ 

ถ้านี่คือเหตุผลสำคัญที่ ’พล.อ.พนา‘ จัดวางเพื่อนรุ่น ตท.26 ลงในหน่วยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการจัดหา การพัฒนากองทัพ ทั้งสายงานกำลังรบ สายงานสนับสนุน สายงานส่งกำลังบำรุง และสายงานขึ้นตรง ผบ.ทบ.    

พล.อ.พนา ก็มีระยะเวลา 2 ปีที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของกองทัพบกนับจากนี้ 

2 ปีที่ ผบ.ปูและผองเพื่อน ตท.26 ต้องทำให้เห็นอย่างเด่นชัด 

ท่ามกลางโจทย์ที่ท้าทายอย่างยิ่ง…

ความยากของความเปลี่ยนแปลงรอบนี้ คือ เมื่อวางคนลงแต่ละจุด สิ่งที่เหลือ คือ บริหารให้แต่ละจุด ขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ต้องการ

เมื่อ ‘พล.อ.พนา’ เลือกเดินทางนี้ ก็ต้องขับเคลื่อนองคาพยพของ ตท.26 ให้ขยับตามให้ได้

ท่ามกลางทางเบี่ยงของความสำเร็จ ระหว่างเป็น “วีรบุรุษ” หรือ ไปตามคำครหา“สุดท้าย ก็ไม่ต่างจากรุ่นที่ผ่านมา” 

สร้างตำนานการเลือกรุ่น…แต่ไม่ได้สร้างตำนานที่กองทัพต้องจดจำ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์