‘บวรศักดิ์’ บู๊ ‘วันนอร์’ ทำไมรัฐบาลกลัวซักฟอก?

20 พ.ย. 2568 - 03:01

  • รัฐบาล-สภาปะทะคารม ปมสิทธิ ‘ยุบสภา’

  • ต่างอ้างกฎหมายเป็นหลังพิง-ฝ่ายหนึ่งย้ำต้องรอญัตติบรรจุระเบียบวาระ

  • สะท้อนเกมชิงเหลี่ยมของรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่หวั่นซักฟอกจนต้องงัดทุกกลยุทธ์

‘บวรศักดิ์’ บู๊ ‘วันนอร์’ ทำไมรัฐบาลกลัวซักฟอก?

การออกมาปะทะทางความคิดระหว่างรัฐบาลกับสภา ประเด็นอำนาจ "ยุบสภา" ของนายกรัฐมนตรี หลังการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ต่างอาศัยกฎหมายเป็นหลังพิงด้วยกันทั้งสองฝ่าย

โดยรัฐบาลเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ที่ห้ามยุบสภาหลังการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ต้องใช้คู่กับข้อบังคับการประชุมสภา ข้อ 176 นั่นคือ ญัตติต้องมีความสมบูรณ์และบรรจุเข้าระเบียบวาระก่อน ถึงจะห้ามไม่ให้ยุบสภาได้

ในขณะที่ฝ่ายสภา ยืนยันเมื่อยื่นญัตติแล้ว นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถยุบสภาได้ ส่วนข้อโต้แย้งที่ต้องรอให้ประธานบรรจุญัตติก่อนนั้น ถือเป็นกระบวนการทางธุรการ รัฐธรรมนูญไม่ได้เปิดให้มีการตรวจสอบในกระบวนการก่อน

ทั้งยังอ้างสถานะทางกฎหมายที่รัฐธรรมนูญต้องใหญ่กว่าข้อบังคับ

ประเด็นวิวาทะเรื่องนี้ กลายเป็นปมร้อนขึ้นมาในบัดดล เมื่อระดับรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ออกมาตั้งโต๊ะแถลงเองแบบร่ายยาวเป็นฉาก ๆ ในฐานะที่เป็นคนยกร่างมาตรานี้มากับมือ

"การห้ามยุบสภาเพราะการยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ จะเริ่มเมื่อใดและสิ้นสุดลงเมื่อใดนั้น ถ้าพิจารณาแต่ตัวหนังสือของมาตรา 151 ที่ใช้คำว่า เมื่อได้มีการเสนอญัตติตามวรรคหนึ่งแล้ว จะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้ ก็อาจจะบอกว่า ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจก็ห้ามยุบสภาแล้ว ยื่นปั๊บก็ห้ามยุบปุ๊บ ไม่ต้องดูอย่างอื่น นี่เป็นการตีความที่ง่ายแบบตัวอักษรล้วน ๆ ไม่ได้ดูอย่างอื่นเลย คนไม่ต้องเรียนกฎหมายก็พูดได้ ดูจะง่ายเกินไป แต่ต้องอ่านให้จบวรรค เขาบอกว่าห้ามยุบสภา เว้นแต่จะมีการถอนญัตติ หรือการลงมติไม่ได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ก็จะเข้าใจได้ว่า จะเริ่มห้ามยุบได้ต่อเมื่อญัตตินั้นถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ บรรจุระเบียบวาระและแจ้งให้นายกฯ ทราบตามข้อบังคับการประชุม"

รองฯ บวรศักดิ์ ยังย้ำเรื่องการใช้ข้อบังคับการประชุมสภาควบคู่ไปด้วย "ที่พูดว่าต้องดูรัฐธรรมนูญซึ่งใหญ่กว่าข้อบังคับเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องดูข้อบังคับ จึงไม่ถูกต้อง เพราะการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะทำได้หรือไม่ ต้องใช้ข้อบังคับการประชุมสภาข้อ 62"

นอกจากเลคเชอร์เรื่องรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภาแล้ว รองฯ บวรศักดิ์ ยังตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่ของประธานฯ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ด้วยว่า เป็นประธานสภามาหลายครั้งตั้งแต่ปี 2540 และการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดที่แล้วก็มีการตรวจสอบอยู่หลายวัน พอมาถึงรัฐบาลนี้ กลับบอกว่า "พอฝ่ายค้านยื่นปั๊บ ยุบสภาไม่ได้เลย"

ผิดถูกยังไม่รู้ แต่ "บวรศักดิ์" ตอนนี้ขึ้นทำเนียบ "เนติบริกร" ไปอีกคน

ด้านประธานฯ วันมูหะมัดนอร์ ชี้แจงอีกครั้งว่า นายบวรศักดิ์เป็นนักกฎหมาย ก็สามารถตีความไปตามความเข้าใจ แต่สภาได้ตีความตามรัฐธรรมนูญ โดยตนได้มอบหมายให้สำนักกฎหมายพิจารณาและหาข้อมติในประเด็นดังกล่าว ซึ่งฝ่ายกฎหมายได้ประชุมและลงมติร่วมกันว่า การยุบสภาจะกระทำไม่ได้เมื่อฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนข้อโต้แย้งที่บอกจะต้องรอให้ประธานบรรจุญัตติก่อนนั้น ถือเป็นกระบวนการทางธุรการ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้เปิดให้มีการตรวจสอบในกระบวนการก่อน แต่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า เมื่อยื่นญัตติแล้ว รัฐบาลจะไม่สามารถยุบสภาได้

ส่วนที่มีการตีความแตกต่างไปจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดที่แล้วนั้น ประธานฯ วันมูหะมัดนอร์ ยอมรับว่า การตีความอาจจะไม่ตรงกันได้ เช่นเดียวกับคำพิพากษาของศาลต่างๆ ก็อาจจะไม่ต้องตรงกัน ขึ้นอยู่กับว่าท้ายที่สุดจะไปสิ้นสุดที่ใด ซึ่งในส่วนของสภาก็เป็นไปตามฝ่ายกฎหมายที่มีการตีความ ซึ่งเมื่อส่งให้ประธานฯ พิจารณาและมีความเห็นตามคำเสนอของฝ่ายกฎหมาย ก็ถือว่าได้ข้อยุติ ยืนยันว่า ตนถือเอาตามรัฐธรรมนูญและผลของฝ่ายกฎหมาย

นับเป็นการชิงเหลี่ยมคูทางกฎหมายของรัฐบาลกับประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ไม่ค่อยได้เห็นบรรยากาศแบบนี้บ่อยนัก ยกเว้นสมัยนี้ที่รัฐบาลเสียงข้างน้อยกับสภาอยู่คนละฝ่ายกัน และดูรัฐบาลจะมีความวิตกอยู่มากกับการถูกซักฟอก

เอาเป็นว่า ถ้ายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจวันไหนคงยุบสภากันวันนั้น และไม่ต้องถามว่ากลัวอะไร เพราะนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล พูดซ้ำๆ ไว้หลายหน เมื่อเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ต่อให้โต้ตอบดีแค่ไหน เมื่อไหร่จะชนะ โหวตเมื่อไหร่ก็ไม่ได้

"ถ้ายื่น 152 จะอยู่จนครบแล้วจะไปวันที่ 31 มกราคม 2569 แต่ถ้ายื่น 151 ก็เป็นสิทธิ์ของผม"

นายกฯ อนุทิน ย้ำด้วยว่า สำหรับตนยุบสภาเดือนธันวาคมหรือเดือนมกราคม ไม่มีความแตกต่างกัน ตนต้องทำทุกอย่างไม่ให้อยู่ภายใต้เกมการเมืองของใคร ซึ่งไม่ได้พูดเปล่า แต่ประกาศตัว 3 แคนดิเดทนายกฯ ภูมิใจไทยด้วย แถมยกร่าง พ.ร.ฎ.ยุบสภา รอไว้อีกต่างหาก

สรุปที่รัฐบาลสีน้ำเงินกลัวการซักฟอก ก็เพราะกลัวศพไม่สวย จากการถูกฝ่ายค้านคว่ำกลางสภา ซึ่งจะเป็นรัฐบาลชุดแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และเมื่อพ้นไปด้วยเหตุนี้ ต้องไปทันที ไม่ให้อยู่ทำหน้าที่รัฐบาลรักษาการได้

ถึงตอนนั้น จะเกิดสุญญากาศในช่วงสั้นๆ นำไปสู่จุดเปลี่ยนการเมือง ต้องเลือกนายกฯ กันใหม่ เป็นครั้งที่ 5 ของสภาชุดนี้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์