สงคราม 5 วันไทย - กัมพูชา EP.3 เบื้องลึกคำสั่ง ‘Air Operations’ แผนดับฝัน พ่อ-ลูก ตระกูลฮุน

14 ส.ค. 2568 - 00:49

  • แผน ‘ยุทธบดินทร์‘ ไทยเตรียมกำลังทางอากาศก่อนเปิด Air Operations ทำฝ่ายกัมพูชาคาดไม่ถึง

  • ผบ.ทอ.ซุ่มเตรียมความพร้อมทุกฝูงบิน ก่อนรับศึกชายแดนไทย-กัมพูชา

  • วางเป้าหมายกำจัด 2 กองพลกัมพูชา หลัง ‘ฮุน มาเนต’ หวังใช้เสริมรบพิเศษถล่มไทย

สงคราม 5 วันไทย - กัมพูชา EP.3 เบื้องลึกคำสั่ง ‘Air Operations’ แผนดับฝัน พ่อ-ลูก ตระกูลฮุน

ทิ้งท้ายเอาไว้ 2 EP.แล้ว สำหรับเบื้องหลัง Air Operation ซึ่งเป็นไม้เด็ดสำคัญของการรบในสมรภูมิ 5 วันไทย-กัมพูชา ว่า เหตุใด กองทัพไทยถึงเปิดปฏิบัติการทางอากาศได้รวดเร็วขนาดนี้

นอกจากนี้ยังขึ้นปฏิบัติการทันที โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน คือ พื้นที่กองพลสนับสนุนที่ 8 และกองพลสนับสนุนที่ 9 ของกัมพูชา โดยใช้เวลาถล่มสองระลอกจนทั้งสองกองพลสิ้นสภาพในการรบ และสิ้นสภาพการส่งกำลังสนับสนุนทันที

ปฏิบัติการทางอากาศแต่ละครั้ง แม้เครื่องบินและนักบินจะอยู่ในสภาพพร้อมรบ และพร้อมบินขึ้นทันทีที่ได้รับคำสั่ง Air Operation แต่เป้าหมายของการโจมตี จะต้องถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อความแม่นยำ 

ปฏิบัติการทางอากาศของไทยรอบนี้ จึงชัดยิ่งว่า แผนทั้งหมดถูกซักซ้อม และคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า กัมพูชาเตรียมการเปิดฉากโจมตีไทยรอบใหม่ เพราะมีความเคลื่อนไหวล่วงหน้าตลอดแนวชายแดนที่คึกคัก ทั้งกองกำลังทหารราบ และอาวุธพิสัยยิงระยะไกล

พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เคยส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลกัมพูชาแล้วว่า หากต้องการเจรจากับไทยเรื่องการเปิดด่าน กัมพูชาต้องแสดงความจริงใจด้วยการถอนกำลังอาวุธพิสัยไกลที่ตั้งประจัญหน้า และเล็งมายังฝั่งไทยออกจากแนวชายแดนไทยไปก่อน หากยังไม่มีการถอนอาวุธ และกำลังออกจากแนวชายแดนไทย การเจรจาเรื่องการเปิดด่านก็จะไม่เกิดขึ้น 

ครั้งนั้น…แม้ พล.อ.ทรงวิทย์ จะถูกโจมตีที่หยิบเรื่องการเปิดด่านขึ้นมาเจรจากับกัมพูชา แต่การส่งสัญญาณของ พล.อ.ทรงวิทย์ สะท้อนให้เห็นว่า ไทยเห็นความเคลื่อนไหวของกัมพูชาตลอดเวลาว่า กัมพูชาตั้งจรวดพิสัยไกล ประจัญหน้าตลอดแนวชายแดน และตั้งวิถีเล็งมายังฝ่ายไทย

ประการสำคัญ…ไทยยังติดตามความเคลื่อนไหวการเตรียมความพร้อมรบตลอดระยะเวลา 14 ปีของกัมพูชา ที่มีทั้งการจัดเตรียมกำลังรบภาคพื้นดิน ทั้งกองพัน BHQ และกองพัน 911 ที่เป็นหมวกแดง 

การปรับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ทั้งจรวด BM 21 versionใหม่ ที่ยิงได้ไกลขึ้น การบรรจุจรวด PHL- 03 ซึ่งเป็นระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง (MLRS) ขนาด 300 มม. ของจีน และมีพิสัยการยิงจรวดได้ไกลถึง 130-160 กิโลเมตร ก็เป็นอีกหนึ่งของการเตรียมพร้อมที่จะเปิดสงครามเอาคืนไทย หลังพ่ายไทยแบบหมดรูป ในปี 2553 

การจัดตั้งกองพันส่งทางอากาศ หรือ Airborne battalion ที่เป็นกองพันพลร่ม ที่พร้อมส่งกำลังทางอากาศ และมีอาวุธประจำกายที่ทันสมัยกว่า กองกำลังทหารที่ประจำการในภูมิภาคทหารต่างๆตามแนวชายแดน

การจัดตั้งหน่วยซุ่มยิง หรือ sniper ที่ได้รับการสนับสนุนปืนซุ่มยิงระยะไกลที่มีประสิทธิภาพสูง และบรรจุหน่วยนี้อยู่ในกองพัน BHQ 

การนำระบบโดรนสอดแนม โดรนโจมตี และระบบแอนตี้โดรน ที่ได้รับการสนับสนุน และการฝึกจากประเทศมหาอำนาจเข้าประจำการในหน่วย BHQ ก็ยังเป้นการเสริมเขี้ยวเล็บให้กับหน่วยนี้ ให้มีประสิทธิภาพการรบมากขึ้น

BHQ และหน่วยคอมมานโด 911 ถูกพัฒนาเป็นหน่วยรบหลัก เพื่อเผชิญหน้ากับรบพิเศษของไทยโดยตรงเพื่อแก้มือ หลังเมื่อปี 2553 การดวลกันด้วยพลซุ่มยิง และการรบประชิดตัวที่ภูมะเขือ ฝ่ายกัมพูชาตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ 

กัมพูชาเตรียมแผนการรบ ด้วยการใช้จรวดหลายลำกล้อง ยิงโจมตีในพื้นที่ส่วนในของไทย เพื่อดึงให้กำลังบางส่วนพะวงหน้า พะวงหลัง จากนั้นจึงใช้กำลังส่วนหน้าของภูมิภาคทหารต่างๆลุยเปิดพื้นที่เข้าไปก่อน  

การพบหลุมระเบิดที่เกิดจากการยิงจาก BM21 ในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ที่พบถึง 263 หลุม โดยพบที่ จ.สุรินทร์มากที่สุด ถึง 189 หลุม เป็นหลักฐานชัดว่า กัมพูชายิงเปิดทางก่อนการโจมตีภาคพื้นดินด้วยจรวด BM21 จำนวนมาก 

โดยมี จ.สุรินทร์ เป็นเป้าหมายหลัก เพราะมีลูกจรวด BM21 ตกลงมามากถึง 189 ลูก   

การพัฒนากำลังรบ และการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดปฏิบัติการของฝ่ายกัมพูชา ที่เตรียมใช้กำลังทหารราบ ทั้งกองกำลังส่วนหน้าของภูมิภาคทหารทั้งหมดและหน่วยรบพิเศษ ที่พร้อมทะลุ ทะลวงต่อทันทีที่ฝ่ายไทยเริ่มเพลี่ยงพล้ำ เป็นเกมที่ฝ่ายยุทธการของไทยถอดรหัสออก และเตรียมการรับมือมาตลอด

การรบในพื้นที่ชายแดน ซึ่งมีพื้นที่จำกัด และกัมพูชาทุ่มกำลังตลอดแนวตั้งแต่เขาพระวิหารลงมาถึงช่องสายตะกู โดยใช้กำลังกว่า 13,000 นาย เข้ามาประชิดชายแดนไทย แม้กำลังทหารราบของไทยจะมีจำนวนที่เหนือกว่า และสามารถส่งกำลังส่วนหลังจากกองทัพภาคอื่นเข้ามาสนับสนุนได้ตลอด 

แต่การรบในพื้นที่จำกัด กำลังพลจำนวนมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถชิงความได้เปรียบในพื้นที่การรบได้เพราะจำนวนพื้นที่เท่ากัน การใช้กำลังทหารก็สามารถนำกำลังเข้าไปในพื้นที่ได้ไม่ต่างกัน

การรบแบบประชิดตัวในพื้นที่จำกัด ต่างฝ่ายก็หลีกเลี่ยงการสูญเสียไม่ได้ และยิ่งต้องรบกันในระยะยาว ความสูญเสียก็จะมากขึ้นเป็นลำดับ 

ฝ่ายยุทธการ จึงจำเป็นต้องวางแผนชิงการรบให้ได้เปรียบ และจะต้องจบลงในระยะสั้น เพื่อลดการสูญเสีย 

นอกจากนี้ ภาพทางอากาศยังแสดงถึงการปรับพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ที่มีทั้งถนนและคูเลตคอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นภาพที่ฝ่ายยุทธการต้องนำมาประกอบการวางแผนการรบ เพราะแสดงถึงความพร้อมในการส่งกำลังบำรุงของฝ่ายตรงข้าม

การกำหนดแผนยุทธการ ‘ยุทธบดินทร์‘ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีของกัมพูชาจึงเกิดขึ้น 

ต้องอย่าลืมว่า ทางกลาโหม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ก็เป็นอดีตเจ้ากรมยุทธการทหารบก

ทางกองทัพไทย ข้างกาย พล.อ.ทรงวิทย์ ก็มี ‘พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญญตานนท์’ รอง ผบ.สส. ที่เติบโตมาจากกรมยุทธการทหารบก

กองทัพบก พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ก็มี พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธฯ ทบ. ที่มาจากกรมยุทธการทหารบกเช่นกัน 

แผนปฏิบัติการ ‘ยุทธบดินทร์’ จึงถูกกำหนดเตรียมการไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะเมื่อกัมพูชา ไม่ยอมถอนอาวุธหนัก และไม่ยอมถอนกำลังออกจากพื้นที่

ปลายเดือนมิถุนายน 2568 การเดินทางไปตรวจเยี่ยมกำลังพลที่กองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมาของ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ และตรวจความพร้อมของกองบิน 1 ในฐานะศูนย์การสงครามทางอากาศ ถูกซ่อนนัยยะสำคัญของแผนยุทธบดินทร์ ที่เตรียมใช้กำลังทางอากาศ เพื่อเผด็จศึกกัมพูชาเอาไว้อย่างมิดชิด 

แม้การเคลื่อนย้ายอาวุธหนัก ปืนใหญ่ และกำลังทหารราบเข้าไปสนับสนุนกำลังของกองทัพภาคที่ 2 จะถูกสายลับกัมพูชา รายงานกลับไปยังพนมเปญอย่างละเอียด  

เพราะตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา กัมพูชาส่งสปายจำนวนมาก แทรกซึมเข้ามาฝังตัวอยู่ในไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งมีที่ตั้งของหน่วยทหาร เพื่อแอบส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวของหน่วยทหารไทย กลับไปยังพนมเปญ

แต่หนึ่งในความเคลื่อนไหวที่กัมพูชาคาดไม่ถึง คือ การเตรียมความพร้อมของ ‘ศูนย์สงครามทางอากาศ‘

การตรวจสอบความพร้อมของ F16 ทุกฝูง และการเตรียมความพร้อมขึ้น-ลง บนพื้นที่คับแคบแบบถนนของ ‘กริพเพน’ ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีของกัมพูชาทั้งสิ้น

ดังนั้น ทันทีที่จรวด BM21 ของกัมพูชาเปิดฉากยิงถล่มไทย พร้อมกำลังทหารราบที่บุกเข้ามาทุกจุดทั้งปราสาทตาเมือนธม ช่องบก ช่องอานม้า ภูมะเขือ และปราสาทตาควาย 

สิ่งที่ ‘ฮุน มาเนต’ ไม่คิดว่าจะเจอก็เกิดขึ้น…เมื่อเครื่องบิน F16 ทั้งสองฝูงที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ขึ้นปฏิบัติการทางอากาศทันที 

ส่วนเป้าหมาย กองพลสนับสนุนที่ 8 และ 9 ของกัมพูชานั้น เดิมก็ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของไทยมาตั้งแต่ปี 2553 

ฝ่ายยุทธการของไทยรู้ดีว่า 2 กองพลนี้ มีส่วนสนับสนุนการช่วยรบที่สำคัญ และตั้งอยู่ห่างจากชายแดนไทยไม่เกิน 10 กิโลเมตร อันอยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการโต้ตอบตามกฎการใช้กำลัง และกฎการป้องกันชายแดนของฝ่ายไทย 

เมื่อปี 2553 ไทยเคยเตรียมใช้กำลังทางพื้นดิน เพื่อโจมตีที่ตั้งของกองพลทั้งสอง หากกัมพูชาจะเคลื่อนกำลังขึ้นไปเสริมที่เขาพระวิหาร แต่ครั้งนั้น การรบไม่ขยายตัวมาก การใช้กำลังภาคพื้นดินจึงยังไม่เกิด

Air Operation รอบนี้ แม้เหนือความคาดหมายของกัมพูชา แต่รอบหน้าหากเกิดเหตุการณ์ปะทะขึ้นอีก ไทยอาจต้องปรับ ‘แผนยุทธบดินทร์’ อีกครั้ง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์