ถึงเทศกาลนวราตรี แล้วนึกถึงสีสันการบูชาและเฉลิมฉลองที่เกิดขึ้นทั่วโลก เมื่องไทยเราก็ต้อง วัดแขกสีลมวัดพระศรีมหาอุมาเทวี
นอกจากความศักดิ์สิทธิ์ สีสัน ของพิธีนีแสดงออกซึ่งศรัทธา ที่คน มีต่อเทพแบบสุดๆ และสีสันของวัดแขกคือ การแห่เทพ ซึ่งจะเห็นชาว สีรุ้ง LGBTQ+ แสดงความรักและเคารพเทพแบบสุดๆ
ทำไม เทพฮินดู จึงอยู่ในใจ เหตุผลที่ ศาสนาฮินดูคือหนึ่งในระบบความเชื่อที่เก่าแก่ที่สุดของโลก และสิ่งที่ทำให้โดดเด่นไม่เหมือนใครก็คือ ความยืดหยุ่นและการยอมรับในความหลากหลายของชีวิต โดยเฉพาะเรื่องเพศและอัตลักษณ์
ตำนานฮินดู มีเทพและเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับเพศหลากหลายอยู่มากมาย อรรธนารีศวร (Ardhanarishvara) ปางรวมร่างของพระศิวะและพระแม่ปารวตี ครึ่งชาย–ครึ่งหญิง เป็นสัญลักษณ์ของความสมดุลและการอยู่ร่วมกันของเพศทั้งสอง

พระวิษณุ ที่สามารถแปลงร่างเป็น เทพีโมหินี งดงาม เพื่อหลอกอสูรและสร้างความสมดุล เป็นการบอกว่าเพศคือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง
พระกฤษณะ กับตำนานความรักหลากรูปแบบ ทั้งกับนางราธา เหล่าโคปี และการแปลงเพศในบางเรื่องเล่า
ตัวละครในมหาภารตะอย่าง ศิกันดี (Shikhandi) ผู้เปลี่ยนจากหญิงเป็นชาย และมีบทบาทสำคัญในสงคราม
สิ่งเหล่านี้แสดงว่า เพศและความรักในคติฮินดูไม่ถูกตีกรอบตายตัว หากแต่เป็นพลังของจักรวาลที่มีทั้งความเปลี่ยนแปลง ความลื่นไหล และความศักดิ์สิทธิ์
สำหรับคน LGBTQ+ การบูชาเทพฮินดูจึงไม่ใช่แค่พิธีกรรม แต่คือ พื้นที่ทางจิตวิญญาณที่โอบรับความเป็นตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร รักใคร หรือมีอัตลักษณ์แบบใด คุณยังคงเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลนี้ และเป็นที่รักของเทพ
ในยุคปัจจุบัน ภาพของเทพอย่าง “อรรธนารีศวร” หรือ “โมหินี” กลายเป็นสัญลักษณ์ในงาน Pride และในงานศิลปะของชุมชน LGBTQ+ สะท้อนการตีความใหม่ว่า “ความแตกต่างคือความศักดิ์สิทธิ์”