“คนอยากดูคอนเสิร์ตใหญ่มากขนาดนี้เราต้องไม่ทำให้เขาผิดหวัง
มันมีแต่คำว่าต้องใส่สุดเท่านั้น”
สามสมาชิกของ Only Monday เคยบอกกับผมไว้เมื่อครั้งที่มาสัมภาษณ์ถึงความรู้สึกของการมีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในชีวิตที่บัตร Sold Out ทั้งสองรอบการแสดงอย่างรวดเร็วไว้ดังข้อความที่กล่าวไว้ข้างต้น ผมคิดมาตลอดว่าพวกเขาจะทำโชว์นี้ออกมาอย่างไรให้เอาคนดูทุกคนอยู่หมัด จนกระทั่งได้มีโอกาสไปสัมผัสกับตาตัวเองเต็มๆ เมื่อคอนเสิร์ต WE ARE ONLY MONDAY ที่เพิ่งจบไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้ผมตัดสินใจหยิบคอมพิวเตอร์คู่ใจมารีวิวถึงคอนเสิร์ตนี้ว่าตัวเองไปพบเจอประสบการณ์อะไรมาบ้างกับเด็กหนุ่มไฟแรงทั้งสามนี้ ส่วนคอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิตของพวกเขาในมุมมองของผมเป็นอย่างไร มาดูกันครับ

เริ่มต้นกันที่บรรยากาศของคอนเสิร์ตบริเวณโดยรอบก่อน ภาพแรกที่เห็นคือผู้คนมากมายหลายเจนฯ ย้ำคำว่าหลายเจนฯ นะครับ เพราะจากที่เห็นมีตั้งแต่กลุ่มคนที่อายุประมาณ 18-35 ปีเลยด้วยซ้ำสำหรับแฟนคลับของ Only Monday โดยจากการเฉลี่ยด้วยสายตาประชากรเพศหญิงจะเยอะกว่าเพศชายอย่างเห็นได้ชัดเพราะนี่คือคอนเสิร์ตของหัวจ่ายเพลงเศร้า ฉะนั้นแล้วจำนวนของประชากรจึงมีความหลากหลายแต่ที่ชัดเจนเลยคือทุกคนร้องเพลงสนั่นธันเดอร์โดมมากๆ
จากนั้นเมื่อเวลาเดินทางมาถึง 19.00 น. สามหนุ่ม Only Monday ขึ้นตรงตามเวลาเป๊ะๆ ชนิดที่เป็นมาตรฐานใหม่จากคอนเสิร์ตของค่าย Gene Lab ไปแล้วว่าคอนเสิร์ตใหญ่ใดๆ จากทางค่ายพวกเขาไม่เคยเลทเลยสักงาน แถมการจัดการก็ทำได้ดีมากๆ อันนี้ขอชื่นชม ไม่รอช้าสามหนุ่มบรรเลงเพลงไล่ระดับไปตั้งแต่เพลง We are Only Monday กับเพลง ‘สองมาตรฐาน’ ที่แสงสีเสียงมาเต็มยันไปจนถึงไฟลุกออกมาเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความดุเดือดของโชว์ครั้งนี้เลยก็ว่าได้ ยิ่งการได้เห็นแฟนคลับจับมือถือน้อยมากๆ ในคอนเสิร์ตนี้ยิ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยได้พบเจอบ่อยๆ ในคอนเสิร์ตวงไทยเดี๋ยวนี้ อาจจะมีบ้างในบางเพลงที่ฮิตแต่ส่วนใหญ่ทุกคนร้องเพลงกันลั่นฮอลล์มากๆ

ในพาร์ทของโชว์การเรียงเพลงถือว่าวงไล่ระดับของเพลงที่ตัวเองมีออกมาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ มีทั้งเพลงฮิตและเพลง Side B สลับกันไป ยิ่งการได้ฟังเพลงฮิตจากหัวจ่ายเพลงเศร้าที่ร้องออกมาแต่ละเพลงเหมือนแผ่นเป๊ะๆ แบบนี้นับถือมาตรฐานที่น้องๆ ทำไว้เลยครับ ดีใจที่ได้ยินทั้งเพลง 302 และ Hotel Room ด้วยทำให้ยิ่งรู้สึกว่าแรร์มากๆ ที่ได้ยินเพลงเหล่านี้ในคอนเสิร์ตนี้ ชอบครับ
ส่วนในรายละเอียดของเพลงฮิตไม่ต้องพูดถึง ร้องกันลั่นธันเดอร์โดมมีแต่น้ำตาไม่ใช่เหงื่อที่ไหลออกมา ทั้งเพลง ทิ้งไป, จดจำ, ท้ายปี, ทุกความทรงจำ, ได้แต่นึกถึง และอีกหลายๆ เพลงถูกประเคนมาจนเรารู้สึกว่าวงแรงดีไม่มีตกเลย นับถือใจมากๆ ที่ซัดกระหน่ำตลอดสี่ชั่วโมงแบบไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาเล่นดนตรีอย่างเดียว สุดยอดไปเลยครับ


พาร์ทของแขกรับเชิญถือว่าวงเลือกมาได้ดีและพอมาโชว์ร่วมกันแล้วกลับกลายเป็นเคมีที่น่าสนใจขึ้นไปอีก ไล่ไปตั้งแต่ เฉลิมศรี ที่มาในพาร์ทของเพลงช้าเศร้ากินใจจนขอยกให้ไปเลยว่านี่คืออีกหนึ่งศิลปินที่ร้องเพลงสดได้ดีมากๆ, ปั๊ป POTATO กับการชวนทุกคนมากระโดดและร่วมกันร้องเพลงที่ทั้งสองได้ร่วมงานกันในเพลง ‘ยอมอยู่แล้ว’ และแขกรับเชิญคนสุดท้าย โอ๊ค Little John อีกหนึ่งวงร็อกน้องใหม่ไฟแรงที่มาร่วมสร้างซีนปีศาจแห่งความร็อกพร้อมความดุเดือดและพลันคิดไปว่าพวกเขาควรมีผลงานร่วมกันสักเพลงจริงๆ สำหรับสองวงนี้ โจทย์นี้ถือว่าวงและค่ายทำได้ดีมากๆ กับแขกรับเชิญเซ็ตนี้

โดยรวมคอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตแรกของ Only Monday ที่พวกเขาทำทุกอย่างในโชว์ออกมาได้ดีมากๆ แทบไม่มีที่ติสำหรับเด็กวัยเพียงไม่กี่ปี การมีคอนเสิร์ตใหญ่ในวัยเท่านี้ถือว่าพวกเขาแปะป้ายได้แล้วว่าพวกเขาเจ๋งและมีดีอย่างไรในสไตล์และแนวเพลงที่พวกเขาทำอยู่ แม้จะมีช่วงที่หลุดช่วงที่พลาดไปบ้างแต่กลับกลายเป็นว่าเราที่เป็นคนดูทั่วไปไม่ได้ติดใจในเรื่องพวกนั้นเท่ากับการสื่อสารที่ทั้งสามส่งออกมาเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่านี่คือยุคของพวกเขา นี่คือยุคของ Only Monday
ฉะนั้นแล้ว Thunder Dome พวกคุณพิชิตแล้ว
สถานที่ต่อไปคงต้องเป็นฮอลล์ใกล้ๆ ที่ชื่อว่า IMPACT Arena พวกคุณทำมันได้แน่นอน
ผมจะรอดูวันที่พวกคุณประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้ด้วยตาตัวเองอีกครั้ง
พวกนายเจ๋งว่ะ Only Monday