VIBE REVIEW: คอนเสิร์ตที่น่าประทับใจของ โดยอง เมนโวคอลหนุ่มตี๋จาก NCT

17 ก.ย. 2568 - 09:00

  • รีวิวงานคอนเสิร์ตที่แฟนๆ ชาวไทยรอคอยสำหรับคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบครั้งที่สองในประเทศไทยของ โดยอง สมาชิกหนุ่มจากวง NCT ในคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า ‘2025 DOYOUNG CONCERT [Doors] in BANGKOK’ ที่จัดขึ้น ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี

VIBE REVIEW: คอนเสิร์ตที่น่าประทับใจของ โดยอง เมนโวคอลหนุ่มตี๋จาก NCT

ผ่านพ้นไปเรียบร้อยกับงานคอนเสิร์ตที่แฟนๆ ชาวไทยรอคอยสำหรับคอนเสิร์ตเดี่ยวเต็มรูปแบบครั้งที่สองในประเทศไทยของ โดยอง สมาชิกหนุ่มจากวง NCT (NCT 127 และ NCT DOJAEJUNG) ในคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า ‘2025 DOYOUNG CONCERT [Doors] in BANGKOK’ ที่จัดขึ้น ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ท่ามกลางแฟนๆ ที่มาร่วมชมการแสดงคอนเสิร์ตของเขาอย่างล้นหลามทุกที่นั่งในวันที่ 13 และ 14 กันยายนที่ผ่านมา

แน่นอนว่าทีมงาน Spacebar VIBE ก็ได้แฝงตัวอยู่ในกลุ่มของเหล่าโดปุ (แฟนคลับของโดยอง) และ NCTzen (แฟนคลับของ NCT) รับชมการแสดงคอนเสิร์ตในวันที่สองที่อุดมไปด้วยเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปินหนุ่มสายโวคอลแห่ง SM Entertainment เช่นกันจึงถือโอกาสนี้รีวิวความเสนาะหูที่ได้รับฟังให้ทุกคนได้อ่านกัน!
ก่อนเริ่มคอนเสิร์ตก็เปียกปอนซะแล้ว ถึงแม้ว่า SM True จะขึ้นชื่อว่ามีหน่วยงานเจรจากับพระพิรุณได้แต่ปีนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสำเร็จสักเท่าไหร่ เพราะก่อนคอนเสิร์ตเริ่มฝนฟ้าดได้โหมกระหน่ำจนเหล่าแฟนๆ เปียกปอนแต่ก็ไม่มีใครท้อถอยต่างตบเท้าเดินเข้าฮอลล์กันทันทีที่ประตูการแสดงเปิดออก

คอนเสิร์ตครั้งนี้มีชื่อว่า Doors ที่ไม่ได้แปลว่าประตูธรรมดาแต่คือประตูแห่งความทรงจำของโดยองและแฟนๆ นั่นเอง ดูเหมือนว่าคอนเสิร์ตนี้อาจจะเป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายของเขาก่อนที่จะวางทุกอย่างไปทำหน้าที่ชายชาติเกาหลีใต้ในกรมทหาร คอนเสิร์ตนี้จึงสำคัญทั้งกับเขาและแฟนๆ อย่างมาก

นาฬิกาบอกเวลา 17.00 น. เป็นเวลาเดียวกับการแสดงที่เริ่มต้นขึ้น ไฟในฮอลล์ดับลงก่อนไฟสเตจเปิดขึ้นพร้อมการปรากฏตัวของ โดยอง ที่มาพร้อมไฮโน้ตในเพลง 'Wake From The Dark' เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นฮอลล์ ก่อนที่เขาจะหายไปทันทีที่เพลงจบและปรากฏคลิป VCR แรกขึ้น

โดยองกลับสู่เวทีอีกครั้งพร้อมเพลง ‘Dallas Love Field' ด้วยการเปิดประตูออกมาจากเครื่องบินและพาทุกคนล่องลอยไปบนกลีบเมฆพร้อมๆ กัน ก่อนจะไปต่อกับเพลง 'From Little Wave' ที่ในคอนเสิร์ตครั้งนี้โดยองได้พาวงไลฟ์แบนด์มาร่วมทำการแสดงด้วยเพื่ออวดเสียงร้องแบบเพียวๆ ทำเอาเหล่าโดปุและ NCTzen ไทยฟินกันไปตลอดงาน ปิดการแสดงองค์แรกด้วยเพลง 'Little Light' ที่โดยองได้เปลี่ยนให้ฮอลล์คอนเสิร์ตกลายเป็นลานร้องคาราโอเกะโดยการบิลด์แฟนๆ ด้วยคำภาษาไทยว่า “พร้อมกัน!” และมีท่อนให้แฟนๆ ร้องให้โดยองฟังด้วย ใครไม่ร้องโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจคิม โดยองจับแน่ๆ

เข้าสู่ช่วงทอล์กแรกด้วยคำถามยอดฮิตว่าทุกคนสบายดีไหมเพื่อเป็นการทักทายพร้อมต้อนรับแฟนๆ สู่คอนเสิร์ต เขาได้พาทุกคนย้อนความทรงจำไปยังคอนเสิร์ต NCT 127 WORLD TOUR ‘NEO CITY : BANGKOK - The Origin’ ของวง NCT 127 ที่มาโชว์ที่ธันเดอร์โดมถึงสามวันในช่วงปี 2019 และคอนเสิร์ต NCT 127 4TH TOUR NEO CITY :  BANGKOK – THE MOMENTUM” ที่โชว์ในสเตเดียมข้างๆ คือ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมื่อช่วงวันที่ 22-23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาพร้อมบอกว่าที่นี่คือจุดเริ่มต้นแรกของวงและของเขา เขาจึงรอคอยที่จะมาพบกับแฟนๆ อีกครั้งและพูดถึงการร้องเพลงของแฟนๆ ในเพลงที่ผ่านมาว่าทำให้เขารู้สึกภูมิใจมากๆ และยังบอกอีกว่าเขาเตรียมเนื้อเพลงมาให้แฟนๆ ร้องตามกันด้วย ปิดท้ายด้วยการบอกว่าใครอยากร้องก็ร้องใครอยากเต้นก็เต้นไม่ต้องอายเพื่อนข้างๆ มาสนุกไปด้วยกันได้เลย

ไปกันต่อกับเพลง 'Lost in California' เพลงช้าๆ จังหวะหนักๆ กระแทกอารมณ์และเพลง 'Sand Box' ที่เปลี่ยนจากแสงสีแดงส้มในเพลงก่อนหน้านี้เป็นโทนสีน้ำเงินสบายตา ระยิบระยับด้วยดาวดวงเล็กๆ ท่ามกลางกาแล็กซี่อันยิ่งใหญ่ ทันทีที่เพลงจบจอ LED ยักษ์ก็ปรากฏ VCR ที่สองขึ้นเพื่อให้โดยองได้พักสักแป๊บ ซับหน้าซับตาถอดแจ็กเก็ตตัวนอกออก ดื่มชาไทยเย็นๆ เติมพลังให้เต็มหลอดก่อนจะทำการแสดงเพลงช้าๆ อวดพลังเสียงต่ออีกสามเพลงรวดได้แก่ 'Warmth', 'Rewind' และ 'Just Friends'

ตัดเข้า VCR ที่สามทันทีที่จบเพลงก่อนจะเข้าสู่เพลงที่หลายๆ คนคิดว่าไม่น่าจะมีในเซ็ตลิสต์ศิลปินสายโวคอลแต่ในคอนเสิร์ตของโดยองกลับมีนั่นคือเพลง 'YESTODAY' เพลงจาก NCT U เพลงแรปสุดเดือดที่จริงๆ แล้วโดยองเป็นเจ้าของเสียงร้องในเพลงนี้และเขาก็ได้หยิบเพลงนี้มาโชว์อีกครั้งโดยเรียบเรียงมาในจังหวะเพลงแจ๊ส เป็นอะไรใหม่ๆ ที่แฟนๆ ที่เข้าชมคอนเสิร์ตครั้งนี้เท่านั้นจะได้ฟัง

ต้องบอกเลยว่าหนุ่มตี๋รายนี้ทำแฟนๆ ทั้งฮอลล์คลั่งกันสุดๆ เล่นกับใจแฟนๆ แบบไม่พักเลยทีเดียวเพราะเขาเปลี่ยนให้ฮอลล์คอนเสิร์ตพาร์ทนี้เป็นเวทีในบาร์เพื่อพาแฟนๆ ไปฟังเพลงจังหวะสบายหูกันต่อด้วยเซ็ตเพลงแจ๊สเมดเล่ย์อันประกอบด้วยเพลง 'Serenade', 'Like a Star' ต่อด้วยเพลง 'Love Song' ของ NCT 127 และเพลง 'Perfume' ของ NCT DOJAEJUNG ที่มาในจังหวะใหม่เพิ่มเสน่ห์ให้เขาอีกหลายเท่าตัว

เข้าสู่ช่วงทอล์กที่สองที่มาพร้อมความซุกซนกับการยกแก้วชาไทยเย็นๆ มานั่งดื่มไปคุยไปแต่โดนแฟนๆ ในโซนบัตรยืนตะโกนขึ้นไปบนเวทีว่าให้ชนแก้วก่อนดื่มเรียกเสียงฮาทั้งฮอลล์ เขามีเซอร์ไพรส์มาฝากแฟนๆ ด้วยเพลงภาษาไทยที่เตรียมมาร้องให้แฟนๆ ฟังด้วยเพลง ‘รักนานๆ‘ ของ พัด Vorapat x โดม จารุวัฒน์ ที่บอกเลยว่าร้องชัดจนลืมไปแล้วว่าเป็นเสียงร้องของคนเกาหลี ก่อนจะเข้าสู่การแสดงกันต่อกับเพลง ‘Sonnet' ที่โดยองบอกว่ามือคีย์บอร์ดเป็นผู้แต่งเพลงและเขียนเนื้อให้ อยากให้ทุกคนลองฟัง จากนั้นไปต่อกับเพลง 'The Story' ที่เรียกว่าไม่ติดพื้นของจริงเพราะเขาลอยขึ้นไปยืนร้องเพลงบนกระเช้ากลางอากาศและปิดท้ายด้วย VCR ที่สี่

กลับมาด้วยเพลงจังหวะสนุกๆ พร้อมจักรยานที่ตะกร้าหน้ารถมีแต่ดอกไม้ในเพลง 'First Step' อะไรที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น เช่นการปั่นจักรยานไปร้องเพลงไป เป็นอะไรที่น่าเอ็นดูมากๆ จบเพลงด้วยการ์ดที่เขียนด้วยลายมือตัวเองเป็นภาษาไทยว่า “จะคิดถึงนะครับ” ไปต่อกับเพลง 'Time Machine' ที่เขามาพร้อมตะกร้าแครอทของเล่นกับลายเซ็นที่มอบให้แฟนๆ ที่มาชมคอนเสิร์ตในวันนั้นด้วย จากนั้นเป็นเพลงสุดท้ายก่อนเข้าทอล์กที่สามด้วยเพลงที่มีชื่อภาษาเกาหลียาวมากแต่ชื่อภาษาอังกฤษคือ  'Be My Light' แน่นอนว่าตำรวจเพลงอย่างโดยองขยันยื่นไมค์ให้แฟนๆ ร้องไม่พัก งานนี้ใครไม่ได้ซ้อมมาอาจจะโดนจับจริงๆ

พักหายใจกันแป๊บนึงกับช่วงทอล์กที่สามซึ่งใกล้จะจบคอนเสิร์ตเข้ามาทุกที โดยองชื่นชมแฟนๆ ทุกคนที่ช่วยกันร้องเพลงตลอดคอนเสิร์ต เขาได้พูดถึงการ์ดในเพลง ‘First Step' ด้วยว่าลายมือตัวเองไม่สวยแต่แฟนๆ อ่านแล้วเข้าใจเขาก็รู้สึกมีความสุขมากๆ

มาต่อกับเพลงที่โดยองตั้งใจจะร้องให้แฟนๆ ฟังกับเพลง ‘Luminous' เพลงความหมายดีๆ ที่มาพร้อมเสียงของเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายอย่างไวโอลินและวีโอลา เพลงนี้ยังเซอร์ไพรส์แฟนๆ กับการเล่นแสงให้เหมือนโดยองนั่งร้องเพลงอยู่กลางอุโมงค์มืดๆ ที่มีแสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์ เป็นภาพที่สวยงามมากๆ ไปต่อกับอีกเพลงช้าๆ 'Still' ที่จบลงพร้อมเสียงปรบมือสนั่นฮอลล์ก่อนเข้าสู่ VCR ที่ห้า

กลับมากับ 'Memory' เพลงไตเติลในอัลบั้มล่าสุดของเขาที่แฟนๆ มีการเตรียมแฟนชานจ์มาร้องไปกับเขาด้วย เป็นเพลงแห่งความทรงจำของแฟนๆ และโดยองจริงๆ พร้อมความตื้นตันเมื่อแฟนๆ เตรียมโปรเจ็กต์ Light Box มาให้โดยเขียนเป็นคำว่า “DO 🩵 US” และเมื่อจบเพลงโดยองก็เปิดประตูกลับไปหลังเวทีทันที ก่อนที่จอ LED จะขึ้นแบนเนอร์คอนเสิร์ตเป็นสัญญาณว่ากำลังจะเข้าสู่ช่วงอังกอร์แล้ว

ในระหว่างที่กำลังรอช่วงอังกอร์แฟนๆ ก็ได้เสิร์ฟอีกหนึ่งโปรเจ็กต์พิเศษๆ ให้โดยองที่ชอบฟังแฟนๆ ร้องเพลงกับการร้องคาราโอเกะในเพลง ‘Sand Box' ต่อด้วยป้ายข้อความจากแฟนๆ ที่ขนมาบอกหนุ่มโดยองโดยเฉพาะไม่ว่าจะเป็น “แก้มอ้วนมานี่มา” “อยากมีคนรู้ใจไปดูคอนเสิร์ตด้วยแบบนี้บ้างจัง” “ขอบคุณนะโดยองหนุ่มตี๋” “ขอบคุณที่โลกนี้มีโดยอง” “ขอบคุณที่เกิดมาน้า คิมโดยอง” “อีก 2 ปีเจอกันใหม่นะ โดยอง” “เงินเดือน เงินในบัญชีทั้งหมด เป็นของน้องโดยอง” “จะอยู่ด้วยกันนานๆ จนพี่โดยองแสดงคอนเสิร์ต DOLO26” และอีกมากมาย

ก่อนจะกลับมาอีกครั้งในช่วงอังกอร์ที่เข้าถึงแฟนๆ มากๆ กับการปรากฏตัวที่ประตูทางออก 1 เขาเดินลัดเลาะแฟนๆ มาขึ้นเวทีตรงกลางก่อนจะร้องเพลง 'Beginning' และแวะพูดคุยกับแฟนๆ อีกครั้งพร้อมขอร้องให้แฟนๆ ที่สวมที่คาดผมในโคลเวอร์จากโปรเจ็กต์โยกศีรษะไปพร้อมๆ กันและพูดว่า “น่ารักจังเลย บ้าไปแล้ว” เป็นภาษาไทย และยังแอบแซวแฟนๆ ที่สวมที่คาดผมผิดคิวทำให้เขารู้โปรเจ็กต์ก่อนด้วย

เข้าสู่เพลง ‘Eternity' ที่ก่อนเริ่มเพลงโดยองบอกว่าเฝ้ารอฟังแฟนๆ ร้องท่อนนั้นให้ฟังและแวะทอล์กสุดท้ายก่อนจะจบคอนเสิร์ตครั้งนี้ ในช่วงทอล์กนี้โดยองได้ถ่ายภาพร่วมกับแฟนๆ ก่อนจะเจออีกหนึ่งเซอร์ไพรส์จากแฟนๆ ด้วยป้ายแบนเนอร์รูปหัวกระต่าย เขียนไว้ว่า “ประตูแห่งความทรงจำที่ล้ำค่า คือคำสัญญาว่าเราจะกลับมาพบกันใหม่” และทิ้งท้ายข้อความไว้ว่า “ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพจนกว่าจะจบทัวร์ และพูดถึงประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่พิเศษมากๆ สำหรับเขาพร้อมบอกว่าคอนเสิร์ตนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของเขาและสัญญาว่าจะกลับมาหาอีกครั้งทันทีที่กลับมา (จากกรมทหาร) หวังว่าครั้งหน้าจะได้กลับมาจัดคอนเสิร์ตแบบเอาท์ดอร์อีกครั้ง ขอบคุณที่แวะมาหา“

โดยองได้ปิดการแสดงของคอนเสิร์ตครั้งนี้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยเพลง ’’Rest' ที่ไม่ได้แปลว่าเขาจะหายไปไหน แค่แวะไปพักแป๊บนึงแล้วจะกลับมาพบกันใหม่ หวังว่าเพลง ‘Rest' จะเป็นการพักผ่อนสำหรับทุกคน

คอนเสิร์ตจบลงแล้วแต่แฟนๆ ยังไม่จบ ทุกคนยังไม่ลุกจากที่นั่งพร้อมตะโกนเรียก คิมโดยอง ซ้ำๆ รวมถึงมีการเวฟแท่งไฟไปมาเรียกเสียงฮือฮาไปทั้งฮอลล์ท่ามกลางความหวังว่าโดยองจะวิ่งออกมาอีกครั้ง และแล้วก็มีการปรากฏตัวของโดยองอีกครั้งบนเวทีในชุดธรรมดาล้างเมคอัพพร้อมเตรียมตัวไปสนามบินแล้ว

โดยองได้ออกมาพูดว่า “ขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ ตอนนี้บอกตรงๆ ว่าผมร้องเพลงให้ทุกคนฟังอีกไม่ได้แล้วเพราะทีมงานโปรดักชันและแบนด์ต้องบินกลับเกาหลีคืนนี้ ทุกคนเตรียมตัวกลับบ้านกันหมดแล้วครับ ผมก็ลบหน้าล้างเมคอัพเตรียมตัวไปสนามบินแล้วเหมือนกัน แต่พอได้ยินว่าทุกคนยังไม่ออกจากฮอลล์ผมก็เลยตัดสินใจกลับขึ้นมาบนเวทีเพื่อบอกลาทุกคนอีกครั้ง อยากร้องเพลงให้ฟังอีกมากๆ จริงๆ แต่ก็ต้องขอโทษที่ร้องไม่ได้ครับ ขอบคุณทุกคนที่มาหาผมที่งานคอนเสิร์ตวันนี้ ขอบคุณสำหรับความรักความเข้าใจของทุกคนที่บอกว่าคิดถึงผมและเรียกผมให้ผมได้มีโอกาสกลับมาบอกลาอีกครั้งหนึ่ง ผมจะรอคอยวันที่ผมได้กลับมาเจอทุกคนที่ประเทศไทยและมีโอกาสร้องเพลงให้ทุกคนฟังกันอีกนะครับ ระหว่างนี้ผมก็จะตั้งใจเขียนเพลงเตรียมเพลงให้ทุกคนได้ฟังกัน ขอบคุณทุกคนมากๆ อีกครั้งหนึ่งนะครับ วันนี้ตอนที่เดินทางมาที่นี่ฝนตกหนักมาก ก็อยากให้ทุกคนกลับบ้านดีๆ ขอบคุณมากๆ อีกครั้งหนึ่งนะครับ กลับบ้านดีๆ นะครับ ขอโทษที่ไม่ได้ร้องเพลงให้นะครับ บ๊ายบายครับ”

ในครั้งนี้เขาขนคำภาษาไทยมาเยอะมากเช่น “พร้อมกัน!” “ดังขึ้นอีก” “ร้องพร้อมกันนะครับ” “ยินดีต้อนรับสู่บาร์ของโดยองครับ” “ขอแนะนำวงดนตรีของผม ปรบมือดังๆ ด้วยนะครับ” “บ้าไปแล้ว” “ทุกคนรู้จักเพลงนี้ไหมครับ” “ทุกคนครับ” “น่ารักจังเลย” “สัญญาครับ” นับว่าเยอะมากและเก่งมากจริงๆ ขนาดเราเป็นเจ้าของภาษายังมองว่ามันยากมากๆ แต่โดยองกลับขนคำภาษาไทยยากๆ และยาวๆ มาพูดกับแฟนๆ ชาวไทยตลอด

สำหรับเราที่ได้แฝงตัวอยู่ในกลุ่มเหล่าโดปุและ NCTzen ชาวไทย ตลอดเวลาสองชั่วโมงครึ่งทำให้เรารู้สึกว่าความรักของโดยองและเหล่าแฟนๆ ที่มีให้กันเป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักมาก มีการเย้าแหย่กันบ้างแต่โดยองก็ตามใจแฟนๆ ตลอด เป็นอะไรที่น่ารักมากจริงๆ และหวังว่าแฟนๆ จะส่งความรักแบบนี้ให้โดยองตลอดไป

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์