ซีรีส์สุดฮิตจาก Netflix คือ Stranger Things เตรียมกลับมาสู่หน้าจออีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ กับซีซันสุดท้ายที่แฟนๆ รอคอยมานาน โดยได้รับการยืนยันแล้วว่าจะถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 พาร์ท เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีการเปิดเผยระยะเวลาการฉายของตอนแรกอย่างเป็นทางการแล้ว
ตัวอย่างล่าสุดได้เผยให้เห็นถึงฉากการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ระหว่างเมืองฮอว์กินส์และปีศาจร้าย ‘เวคนา’ (รับบทโดย เจมี แคมป์เบล โบเวอร์) พร้อมทั้งฉากที่ ‘ดัสติน’ (เกเทน มาตาราซโซ) ต้องรับมือกับความเศร้าจากการสูญเสีย ‘เอ็ดดี้ มันสัน’ (โจเซฟ ควินน์) ที่เสียชีวิตไปโดยคนในเมืองยังคงเข้าใจผิดว่าเขาเป็นฆาตกร นอกจากนี้ในตัวอย่างยังเผยให้เห็นตัวละครใหม่ ‘ดร.เคย์’ ที่ได้นักแสดงหญิงระดับตำนานแห่งวงการไซ-ไฟ ลินดา แฮมิลตัน มาร่วมแสดงอีกด้วย
ล่าสุดสื่อบันเทิง Variety ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์สองพี่น้องผู้สร้างแห่ง Duffer Brothers ซึ่งยืนยันว่า Stranger Things 5 จะมีการ “ข้ามเวลา” ไปจากตอนจบของซีซัน 4 นานถึง 18 เดือน โดยเรื่องราวในตอนแรกจะพาผู้ชมย้อนกลับไปที่เมืองฮอว์กินส์ซึ่งตอนนี้อยู่ภายใต้การกักกันของกองทัพอีกครั้ง
Variety ยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่าตอนจบของซีซันนี้จะมีความยาวราวสองชั่วโมงเต็มเพื่อปิดฉากเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของเหล่าเด็กกลุ่มนี้อย่างสมบูรณ์
ตอนแรกของ Stranger Things ซีซัน 5 มีกำหนดออกอากาศวันที่ 27 พฤศจิกายน ส่วนพาร์ทที่สองจะฉายในวันที่ 26 ธันวาคม และตอนจบจะออกอากาศในวันปีใหม่วันที่ 1 มกราคม
นับตั้งแต่เริ่มถ่ายทำในปี 2015 เหล่านักแสดงหลายคนได้ออกมาเปิดใจถึงการใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของซีรีส์เรื่องนี้
เดวิด ฮาร์เบอร์ เผยว่าเขารู้สึก “ดีใจที่ซีรีส์นี้กำลังจะถึงตอนจบ” ขณะที่ คาเล็บ แม็คลัฟลิน กล่าวว่ารู้สึก “เป็นเกียรติและโชคดี” ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ ส่วน มิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ ก็เคยถูกถ่ายคลิปไว้ขณะร้องไห้เมื่ออ่านจดหมายอำลาให้ทีมงานฟังในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
ด้าน ฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด ให้สัมภาษณ์กับ NME เมื่อเดือนเมษายนว่า การจากลา Stranger Things สำหรับเขา “เหมือนกับการจบการศึกษาครั้งหนึ่งในชีวิต” พร้อมเผยว่า “เมื่อ Stranger Things จบลงมันคือการปิดฉากของยุคหนึ่ง และการได้มีผลงานที่ทำมาหลายปีออกฉายก็เหมือนการเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิต แม้จะตื่นเต้นและประหม่าแต่ผมก็อยากเฉลิมฉลองมันจริงๆ”
ซีซันสุดท้ายของ Stranger Things จึงไม่เพียงเป็นจุดจบของเรื่องราวเหนือธรรมชาติในเมืองเล็ก ๆ แห่งฮอว์กินส์เท่านั้นแต่ยังเป็นการปิดตำนานที่เติบโตมาพร้อมกับผู้ชมทั่วโลกตลอดทศวรรษที่ผ่านมา


