จากเวทีประกวดสู่ศิลปินเต็มตัวกับดนตรีแนว ‘บลูส์เพื่อชีวิต’ ของศิลปินบลูส์สุดเข้ม ‘Papabenz’

11 ส.ค. 2568 - 09:05

  • ‘Papabenz’ ศิลปินบลูส์สุดเข้มที่อยากให้ดนตรีบลูส์กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น วันนี้เขามากับดนตรีในแบบของตัวเองอย่าง ‘บลูส์เพื่อชีวิต’

จากเวทีประกวดสู่ศิลปินเต็มตัวกับดนตรีแนว ‘บลูส์เพื่อชีวิต’ ของศิลปินบลูส์สุดเข้ม ‘Papabenz’

ถ้าจะบอกว่าดนตรีแนวไหนเป็นที่นิยมและได้ยินบ่อยที่สุดในประเทศไทยเราก็คงจะเป็นพวก ร็อก, ป๊อป, ฮิปฮอป หรือ ลูกทุ่ง แต่หากไปถามคนส่วนใหญ่ว่าเคยฟังเพลง ‘บลูส์’ กันบ้างไหม เชื่อว่าอาจจะมีส่ายหัวกันบ้าง ชื่อคงอาจจะเคยได้ยินกัน แต่ถ้าไม่ได้เป็นคนเสพดนตรีขั้นหนัก คงไม่ค่อยมีโอกาสได้ฟังกันเท่าไหร่ 


แต่ในบ้านเรากำลังมีศิลปินอยู่คนหนึ่งที่น่าจับตามอง เขาคนนี้เริ่มต้นเล่นดนตรีตั้งแต่อายุ 13-14 ปี มาเริ่มสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักจากเวทีประกวดชื่อดัง จนถึงขั้นได้รับเสียงชื่นชมจากต่างประเทศ และในวันนี้เขาก้าวเข้าสู่การเป็น ‘ศิลปิน’ เต็มตัวแล้ว แถมมาในแนวแปลกใหม่อย่าง ‘บลูส์เพื่อชีวิต’ ด้วย เขาคนนี้คือ ‘Papabenz’ ศิลปินบลูส์สุดเข้มที่อยากให้ดนตรีแนวนี้กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น และวันนี้เรามีบทสัมภาษณ์ของเขามาฝากกันด้วยครับ  

Photo-Story-Papabenz-interview-SPACEBAR-Photo01.jpg

จุดเริ่มต้นที่ทำให้เริ่มหลงรักดนตรี 

Papabenz: เริ่มเพราะเล่นตามเพื่อน ตอนช่วง ม.3 อายุ 13-14 ปี เพราะเรารู้สึกว่าเราเรียนหนังสือไม่ได้ อยู่โรงเรียนแล้วเหมือนเป็น Loser แต่พอเล่นดนตรีแล้วมีแต่คนชม ช่วงแรกๆ ก็เล่นเพลงทั่วไปเหมือนที่คนเขาเล่นกันเลย เพลงง่ายๆ สำหรับเริ่มหัดกีตาร์ หลังจากนั้นก็เริ่มฟังเพลงร็อกเก่าๆ มากขึ้น มีฟังแล้วเล่นตามพวก Eric Clapton, Eagles, Santana 

เริ่มติดใจแนว Blues ตอนไหน 

Papabenz: เริ่มจาก Eric Clapton ก็เล่นไปเรื่อยๆ หลายเพลง ชอบตรงที่มันไม่ต้องจำเยอะ คอร์ดซ้ำ เพราะตอนเรียนหนังสือเราเป็นคนที่สมาธิสั้น พวกเพลงที่มันต้องจำเยอะ มันทำให้เราซีเรียส คือเราหนีการเรียนหนังสือมาเล่นดนตรี ทำไมเรายังต้องมาจำอีก แต่แพทเทิร์นของแนว Blues มันจะหลวมๆ พอเล่นเยอะๆ มันจะจำได้ เพราะเพลงมันคล้ายๆ กัน ทำให้เราชอบ

Photo-Story-Papabenz-interview-SPACEBAR-Photo02.jpg

นานไหมกว่าจะทำให้คนรู้จักได้ 

Papabenz: นานเลย เพราะดนตรีแนว Blues มันหาที่เล่นยาก เวลาไปเล่นเราก็ต้องสื่อสารให้คนดูเข้าใจเรามากที่สุด ผมก็เน้นเล่นจริงๆ เยอะให้มันมากกว่าซ้อมอยู่คนเดียว เพราะการไปเล่นจริงๆ มันฝึกฝีมือได้ดีกว่า แล้วก็พยายามสร้างคุณค่าให้ตัวเองในระหว่างทาง ต่อให้ตลาดมันจะแคบกว่า แต่ถ้าเราแตกต่างมันก็จะไปของมันได้เอง 

อะไรทำให้ตัดสินใจไปประกวด The Voice 

Papabenz: จริงๆ หลายคนก็บอกให้เราไปประกวดอยู่เรื่อยๆ เราก็อยากไปนะ แต่ตอนแรกๆ มันต้องไปต่อแถวแล้วเราขี้เกียจ (หัวเราะ) แต่ปีที่ตัดสินใจไปคือเขาให้ส่งคลิปออนไลน์เข้าไปได้ ก็เลยตัดสินใจส่งไป และเอาจริงๆ ก็ไม่ได้คิดว่าจะไปถึงรอบ Blind Audition ด้วย   

คิดว่ากระแสตอบรับในรอบ Blind Audition ตอนนั้นจะมาไกลถึงขนาดนี้ไหม 

Papabenz: ก็ไม่ได้คิดว่าจะดีขนาดนั้น แต่ตอนแรกเราคิดแค่ว่าเราไม่เหมือนใคร เพราะมันยังไม่มีใครมาแนว Blues จ๋าๆ เราคิดแค่ว่าทำโชว์ไปแบบนั้นมันก็จะอยู่ได้อีกนาน ผ่านไปกี่ปีมันก็จะอยู่แบบนั้น ทุกครั้งที่มี The Voice คนก็จะคิดถึงเรา ใครเข้ามาประกวดแล้วเล่นแนว Blues อย่างน้อยเขาก็จะนึกถึงเรา   

Photo-Story-Papabenz-interview-SPACEBAR-Photo03.jpg

กำลังจะมีอัลบั้มแรกในชีวิต คำว่า ‘บลูส์เพื่อชีวิต’ คืออะไร 

Papabenz: มันมาจากพี่แอ๊ด (คาราบาว) นั่นแหละ เพราะเขาติดตามคอนเทนต์ต่างๆ ของเรา ตอนแรกแกก็ทักมาจะซื้อกีตาร์เรา แต่ด้วยความที่กีตาร์ตัวนี้มันยำๆ มา เราก็เลยไม่ได้อยากได้เป็นเงิน ก็เลยขอความรู้แกในเรื่องการเขียนเพลงดีกว่า เพราะเราก็ไม่มีด้านนี้ด้วย จากนั้นแกก็สอนเขียนเพลง ส่งการบ้านมาให้เราลองทำเรื่อยๆ ด้วยความที่แกเป็นเพื่อชีวิต ส่วนเราเป็นบลูส์ มันก็เลยออกมาเป็นแนวของเราไปเลยคือ ‘บลูส์เพื่อชีวิต’  

ร่วมงานกับ ‘แอ๊ด คาราบาว’ เกร็งไหม 

Papabenz: ไม่ได้คิดแบบนั้นนะ เพราะเราเป็นคนชอบอยู่กับคนเก่งๆ มันได้ความรู้เยอะ เรายิ่งอยากหาอะไรใหม่ๆ เข้าตัว ได้ความรู้จากแกมาเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถของเราให้มันเก่งขึ้น แหลมคมขึ้น  

Photo-Story-Papabenz-interview-SPACEBAR-Photo04.jpg

เพลงแรกใช้เวลานานไหม 

Papabenz: ไม่นานเลย เพราะเราเชื่อว่าการครีเอทีฟงานแบบนี้ขึ้นมามันต้องทำให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ไอเดียตอนที่เราคิดออกมามันยังสดใหม่ ผมคิดว่าเพลงที่เสร็จไวที่สุดมันจะฟังดีสุด ทำให้เพลงอื่นๆ ในอัลบั้มของเรามันก็จะเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ 

เพลงใหม่ ‘อยากเมาก็รินเอง’ ต่างจากสองเพลงแรกมากไหม 

Papabenz: ต่างกันเยอะ เพราะเพลงนี้เราเขียนเอง (หัวเราะ) สองเพลงแรกที่ปล่อยไปพี่แอ๊ดแกเขียนมันก็จะเป็นคำในยุคนั้น แต่เพลงนี้มันก็อาจจะเข้าถึงง่ายขึ้น พวกคำหรือภาษามันก็จะเป็นสมัยใหม่มากกว่า แล้วเราก็ชอบพวกแนวฮิปฮอปเหมือนกันที่เขาเน้นเป็นคำๆ ก็เลยเอามาปรับใช้กับเพลงนี้ด้วย  

อัลบั้มนี้มีทั้งหมดกี่เพลง และคิดว่าเพลงไหนน่าสนใจบ้าง 

Papabenz: มีทั้งหมด 10 เพลง ซึ่งเราคิดว่ามันมีจุดน่าสนใจในทุกๆ เพลง เพราะการเอาภาษาไทยมาอยู่ในบลูส์มันก็ค่อนข้างแตกต่างแล้ว ยิ่งพอเรามีเนื้อเพลงที่พี่แอ๊ดแกเขียนมันก็ยิ่งน่าสนใจ เพราะคำมันสวย ทำให้จุดลงตัวของอัลบั้มแนว ‘เพื่อชีวิตบลูส์’ มันแปลกใหม่สำหรับดนตรีบ้านเรา และด้วยเสน่ห์ของบลูส์ที่จะเน้นอิมโพรไวส์ เวลาเล่นสดก็จะมันแน่นอน 

Photo-Story-Papabenz-interview-SPACEBAR-Photo05.jpg

ทำกีตาร์เองได้ด้วย เสน่ห์ของการทำกีตาร์เองคืออะไร 

Papabenz: เสน่ห์ของมันคือการทำให้กีตาร์มีเสียงที่แหลมคมขึ้น ไม่เหมือนใคร มันจะเป็นจุดเด่นที่ทำให้เราแตกต่าง 

ศิลปิน, คนทำกีตาร์, ครูสอนดนตรี ชอบบทบาทไหนที่สุด 

Papabenz: ชอบ ศิลปิน มากที่สุด เพราะการที่เราเล่นดนตรีได้มันเป็นจุดเริ่มต้นของอีกสองอย่าง การทำกีตาร์ การได้สอนดนตรี มันก็เริ่มมาจากการที่เราเป็นศิลปินอาชีพ 

ฝากผลงาน แล้วบอกคนที่ยังไม่เคยฟังเพลงบลูส์หน่อย 

Papabenz: ก็ฝากสามเพลงที่ปล่อยออกมาด้วยครับทั้ง จุดเปลี่ยน, คนฝันใหญ่, อยากเมาก็รินเอง และก็อัลบั้มเต็ม คุณจะได้ฟังอะไรใหม่ที่วงการดนตรีบ้านเราไม่ค่อยมี ส่วนใครที่ยังไม่เคยฟังบลูส์ก็อยากให้ลองเปิดใจ จริงๆ มันก็คือเพลงเพื่อชีวิตนี่แหละ ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ก็ลองมาติดตาม Papabenz กันก่อนครับ คนฟังก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานที่ดีขึ้นออกมาได้ ฝากด้วยครับ  

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์