รางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 33 ปี 2025 ‘หลานม่า’ นำทีมเข้าชิง 15 สาขา

9 ส.ค. 2568 - 10:44

  • รางวัลสุพรรณหงส์ครั้งที่ 33 เตรียมจัดงานใหญ่ 14 ก.ย. 2568 โดย "หลานม่า" สร้างประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อสูงสุด 15 สาขา ขณะที่ "วิมานหนาม" ตามหลัง 14 สาขา สะท้อนปีทองของหนังไทย

รางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 33 ปี 2025 ‘หลานม่า’ นำทีมเข้าชิง 15 สาขา

การประกาศเสียงแห่งความภาคภูมิใจของหนังไทย
วงการภาพยนตร์ไทยเตรียมต้อนรับงานใหญ่ประจำปีอีกครั้งเมื่อรางวัลสุพรรณหงส์ครั้งที่ 33 ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมกำหนดจัดงานมอบรางวัลในวันที่ 14 กันยายน 2568 ณ One Bangkok Forum โดยปีนี้นับเป็นปีแห่งความสำเร็จอย่างแท้จริงของวงการหนังไทยเมื่อมีภาพยนตร์ออกฉายถึง 54 เรื่อง และมีหนังไทยทำรายได้เกินหลัก 100 ล้านบาทถึง 8 เรื่อง

ภาพยนตร์ที่เป็นจุดสนใจหลักของงานนี้ได้แก่ "หลานม่า" (How to Make Millions Before Grandma Dies) จากค่าย GDH 559 ที่สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการได้รับการเสนอชื่อสูงสุดถึง 15 สาขา ไม่เพียงแค่ความสำเร็จในด้านรางวัลเท่านั้นแต่ยังทำรายได้ในประเทศถึง 339 ล้านบาท และรายได้ทั่วโลกรวมกว่าสองพันล้านบาทซึ่งสะท้อนถึงพลังของเนื้อหาไทยที่สามารถโดนใจผู้ชมทั้งในและต่างประเทศ

การแข่งขันสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: ศึกแห่งความเป็นเลิศ
สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปีนี้นำเสนอความหลากหลายของหนังไทยอย่างน่าประทับใจด้วย 5 เรื่องที่แตกต่างกันทั้งแนวทาง งบประมาณ และเนื้อหา ได้แก่ "แดนสาป" (The Cursed Land), "วัยหนุ่ม 2544" (In Youth We Trust), "วิมานหนาม" (The Paradise of Thorns), "หลานม่า" (How to Make Millions Before Grandma Dies) และ "อำนาจ ศรัทธา อนาคต" (Breaking the Cycle) "วิมานหนาม" เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ GDH 559 ที่ตามหลัง "หลานม่า" ด้วยการได้รับการเสนอชื่อ 14 สาขา ทำให้ค่ายแห่งนี้รวบรวมการได้รับการเสนอชื่อถึง 29 สาขาจากภาพยนตร์เพียงสองเรื่องเท่านั้น หนังเรื่องนี้ทำรายได้ในประเทศ 150 ล้านบาทพร้อมได้รับการยอมรับในด้านการแสดงและเทคนิคการผลิตที่ยอดเยี่ยม

ขณะที่ "วัยหนุ่ม 2544" จาก Neramitnung Film ได้รับการเสนอชื่อ 11 สาขา แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของผู้สร้างหนังอิสระที่สามารถแข่งขันกับค่ายใหญ่ได้ ด้วยรายได้ 122 ล้านบาทและยังได้รับการรับรองจากนักวิจารณ์ในหลายประเด็น รวมถึงการแสดงของ ณัฏฐ์ กิจจริต ที่ได้รับการเสนอชื่อสาขานักแสดงนำชาย

ดาราเด่นแห่งปี: การแข่งขันที่ดุเดือด
สาขาการแสดงปีนี้สะท้อนความลึกซึ้งของเหล่านักแสดงไทย โดยสาขานักแสดงนำชายมี บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล จาก "หลานม่า" ขึ้นแท่นผู้ได้รับการเสนอชื่อด้วยการแสดงที่ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเดินทางของเขาจากนักร้องสู่นักแสดงผู้ประสบความสำเร็จอย่างมากคือเรื่องราวหนึ่งที่น่าสนใจของวงการบันเทิงไทย

คู่แข่งในสาขานี้ยังมี พิศาล พัฒนพีระเดช จาก "Shakespeare Must Die", อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม จาก "แดนสาป", ณัฏฐ์ กิจจริต จาก "วัยหนุ่ม 2544" และ วรกมล ซาเตอร์ (เจฟ ซาเตอร์) จาก "วิมานหนาม"
สาขานักแสดงนำหญิงก็ไม่แพ้กันด้วยรายชื่อที่แข็งแกร่ง ได้แก่ ฟีโอน่า ธารินี เกรแฮม จาก "Shakespeare Must Die", ญาญ่า อุรัสยา จาก "เธอ ฟอร์ แคช", อิงฟ้า วราหะ จาก "วิมานหนาม", อุษา เสมคำ จาก "หลานม่า" และ โบว์ เมลดา จาก "อนงค์"

การยกย่องมรดกทางศิลปะ
สิ่งที่สร้างความประทับใจเป็นพิเศษในปีนี้คือการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงของนักแสดงหญิง สีดา พัวพิมล ในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากผลงาน "วิมานหนาม" และ "แดนสาป" ซึ่งเป็นได้รับการเสนอชื่อหลังจากที่เธอเสียชีวิตไปแล้ว การยอมรับนี้ไม่เพียงเป็นเกียรติแก่ตัวเธอเท่านั้นแต่ยังเป็นการยืนยันถึงพันธะสัญญาของวงการที่จะให้เกียรติแก่ความเป็นเลิศทางศิลปะโดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์

บริบททางประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการของอุตสาหกรรม
รางวัลสุพรรณหงส์ครั้งที่ 33 เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของหนังไทยตั้งแต่จุดกำเนิดในต้นศตวรรษที่ 20 จนถึงตำแหน่งปัจจุบันในฐานะอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก รางวัลนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2535 และตั้งชื่อตามพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ตัวแทนของความมุ่งมั่นกว่าสามทศวรรษในการยกย่องความเป็นเลิศของหนังไทย
การพิจารณาในปีนี้เกิดขึ้นในบริบทที่นักสังเกตการณ์อุตสาหกรรมหลายคนมองว่าเป็น "ยุคทอง" ของหนังไทย โดยปี 2024 เป็นจุดสำคัญด้วยการผลิตภาพยนตร์ 54 เรื่องและความสำเร็จเชิงพาณิชย์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน การที่มีภาพยนตร์ถึง 8 เรื่องทำรายได้เกิน 100 ล้านบาทแสดงถึงความสามารถของอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้นในการรักษาความหลากหลายของการผลิตและแนวทาง

ความสำเร็จเชิงพาณิชย์และไดนามิกส์ตลาด
ภูมิทัศน์เชิงพาณิชย์ของหนังไทยในปี 2024 มีลักษณะเด่นคือความสำเร็จที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน หนังหลายเรื่องทำรายได้สูงและแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของเนื้อหาที่หลากหลาย ความสำเร็จของหนังเช่น "ธี่หยด 2" ที่ทำรายได้ 815 ล้านบาท และ "หลานม่า" 339 ล้านบาท บ่งชี้ถึงตลาดในประเทศที่แข็งแกร่งและสามารถรองรับหนังหลากหลายแนวและงบประมาณที่แตกต่างกัน

รายได้ระหว่างประเทศเริ่มมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับหนังไทย โดยเฉพาะ "หลานม่า" ที่ทำรายได้ทั่วโลกกว่าสองพันล้านบาทแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเนื้อหาไทยในการประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ระดับโลก การกระจายรายได้จากต่างประเทศนี้ให้ความมั่นคงทางการเงินที่สำคัญและโอกาสเติบโตสำหรับอุตสาหกรรม

เทคนิคและความเป็นเลิศด้านงานฝีมือ
นอกจากสาขาการแสดงและการกำกับฯ ที่เป็นที่สนใจแล้ว รางวัลสุพรรณหงส์ครั้งที่ 33 ยังให้การยอมรับแก่องค์ประกอบทางเทคนิคและงานฝีมือที่สำคัญต่อการสร้างความเป็นเลิศทางภาพยนตร์ ทั้ง 17 สาขาหลักครอบคลุมการถ่ายทำ การออกแบบเสียง การออกแบบฉาก การออกแบบเครื่องแต่งกาย การตัดต่อ และความเชี่ยวชาญทางเทคนิคอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการสร้างภาพยนตร์ที่น่าติดตาม

การยอมรับด้านเทคนิคนี้สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญที่เพิ่มขึ้นของการผลิตหนังไทยและความมุ่งมั่นของอุตสาหกรรมต่อความเป็นเลิศในทุกด้านของการสร้างภาพยนตร์ หนังชั้นนำเช่น "หลานม่า" และ "วิมานหนาม" ได้รับการยอมรับไม่เพียงในด้านการแสดงและการกำกับฯ แต่ยังรวมถึงคุณค่าการผลิตที่ครอบคลุม

เสียงและการออกแบบเสียงโดยเฉพาะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในภาพยนตร์ไทย ด้วยเสียงและภาพที่ซับซ้อนมีส่วนช่วยให้ผู้ชมดื่มด่ำและสร้างผลกระทบทางอารมณ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ในทำนองเดียวกันด้านการถ่ายทำก็ได้พัฒนาไปสู่การใช้ภาษาภาพร่วมสมัยในขณะที่ยังคงเคารพหลักการสุนทรียศาสตร์ไทยแบบดั้งเดิม

ความก้าวหน้าทางเทคนิคเหล่านี้ที่ได้รับการยอมรับผ่านสาขารางวัลแสดงถึงการลงทุนที่สำคัญในการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันระยะยาวของหนังไทย งานใส่ใจรายละเอียดเหล่านี้ไม่เพียงยกระดับคุณภาพของผลงานแต่ละเรื่องแต่ยังช่วยสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับอุตสาหกรรมโดยรวม

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์