ล่าสุดในตอนนี้โลกออนไลน์ไทยและญี่ปุ่นกำลังพูดถึง ‘แจ็กแปปโฮ’ ที่ตอนนี้กลายเป็นศูนย์กลางดราม่าครั้งใหญ่ เมื่อคลิปที่เขาขึ้นไปถอดเสื้อเต้นบนหลังคารถที่จอดอยู่หน้าร้านลอว์สันสาขาฟูจิในประเทศญี่ปุ่นถูกเผยแพร่จนกลายเป็นไวรัล
ภาพที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงความคึกคะนองของนักสร้างคอนเทนต์กลับก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นกลางพื้นที่สาธารณะของประเทศที่ให้คุณค่ากับมารยาทและความเรียบร้อยมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ที่คนญี่ปุ่นให้ความเคารพมากๆ เพราะเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของประเทศ ทำให้พฤติกรรมดังกล่าวถูกวิจารณ์ว่าไม่เพียงขาดความเหมาะสม แต่ยังสะท้อนการไม่ให้เกียรติวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างชัดเจน
ในคลิปปรากฏว่าแจ็กแปปโฮยืนบนหลังคารถ พร้อมถอดเสื้อเต้นแบบสุดเหวี่ยงท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมา สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่าการใช้พื้นที่สาธารณะเพื่อคอนเทนต์ควรมีขอบเขตอย่างไร เพราะในสังคมญี่ปุ่นการละเมิดพื้นที่ส่วนรวมถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างมาก แม้เพียงการทำเสียงดังหรือใช้พื้นที่เกินความจำเป็นก็อาจสร้างความไม่สบายใจให้ผู้คนแล้ว ยิ่งการยืนบนรถ ถอดเสื้อและแสดงท่าทางโอเวอร์ถือเป็นการก้าวข้ามเส้นชัดเจนในสายตาชาวญี่ปุ่น
หลังคลิปถูกเผยแพร่สื่อญี่ปุ่นหลายสำนักรายงานข่าวด้วยน้ำเสียงที่แสดงความไม่เข้าใจว่าทำไมพฤติกรรมเช่นนี้จึงเกิดขึ้น โดยสื่อบางแห่งชี้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็น ‘เมวาคุ’ (めいわく:meiwaku) หรือการรบกวนผู้อื่น ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างยิ่งในวัฒนธรรมท้องถิ่น เหตุการณ์นี้สะท้อนพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่มักขาดความละเอียดอ่อนในการเคารพกฎระเบียบพื้นฐานของประเทศที่ไปเยือน
ขณะเดียวกันสื่อไทยก็ให้ความสนใจและวิจารณ์เช่นกัน โดยหลายเพจข่าวบันเทิงและเพจสาระทางสังคมต่างตั้งคำถามว่าคอนเทนต์แบบไหนถึงจะเรียกว่า ‘สนุกพอดี’ และแบบไหนที่ถือว่า ‘ละเมิดกติกา’ โดยไม่คำนึงถึงใคร หลายสื่อยังระบุว่าคลิปนี้ไม่ต่างจากการตอกย้ำปัญหานักท่องเที่ยวไทยบางส่วนที่ไม่เคารพกฎหมายและมารยาทของประเทศที่ไปเยือน โดยเฉพาะในช่วงที่ญี่ปุ่นพยายามจัดระเบียบพฤติกรรมนักท่องเที่ยวภายใต้กระแส Over Tourism
เสียงวิจารณ์จากสังคมญี่ปุ่นบนแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์) และเว็บบอร์ดท้องถิ่นนั้นแรงพอสมควร ผู้คนจำนวนมากมองว่าพฤติกรรมนี้เป็นการสร้างภาพเหมารวมในทางลบต่อนักท่องเที่ยวไทย ขณะที่บางคนถึงขั้นเสนอว่าควรมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำอีก ความไม่พอใจนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเป็นแจ็กแปปโฮ แต่เพราะการละเมิดหลักไม่รบกวนผู้อื่นถือเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมญี่ปุ่น
ด้านชาวเน็ตไทยเองก็มีความเห็นไปในเชิงแสดงความรู้สึกละอายและมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศที่เราไปเยือน ทางฝั่งภรรยาของแจ็กแปปโฮก็ออกมาเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน โดยได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กในเชิงละอายใจและเอื้อมระอาแล้วกับพฤติกรรมของเขา เธอระบุว่า “โพสนี้จะไม่ขอปกป้องใคร ขอปกป้องตัวเองกับลูก ครั้งนี้ห้ามแล้วค่ะ มันไม่ฟังมีลูกแล้วแต่ไม่เคยมีสติ ไม่นึกถึงลูก ขอความกรุณาอย่าว่าโมกับลูกเลย รู้เรื่องค่ะแต่คุมไม่ได้จริงๆ ยอมรับค่ะ บอกให้ลบคลิปก็ไม่ลบก็ตามภาพลักษณ์ของเขาเองเลยค่ะ ในคลิปที่ยิ้มคือทำตัวไม่ถูกเหมือนกันเพราะโฟกัสลูกพึ่งเปลี่ยนเพิร์สเสร็จ ลูกก็จะวิ่งตามแต่พ่อมัน หลังจากนี้ก็คงยอมรับตามสภาพให้เป็นเรื่องหลังบ้านครอบครัวค่ะ #ก็ถูกของทุกคนแหละค่ะมันอยู่ในจุดที่ใครเตือนไม่ได้”
เมื่อกระแสดราม่าขยายวง สื่อญี่ปุ่นบางสำนักถึงขั้นนำเรื่องนี้ไปโยงกับปัญหาคลาสสิกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น การทิ้งขยะไม่เป็นที่ การส่งเสียงดังบนรถสาธารณะ หรือการถ่ายทำคอนเทนต์โดยไม่สนใจสภาพแวดล้อม สะท้อนว่าพฤติกรรมของแจ็กแปปโฮไม่ได้ถูกมองเป็นเคสส่วนบุคคล แต่ถูกนำไปผูกกับภาพรวมของปัญหานักท่องเที่ยวในญี่ปุ่นในยุคนี้ด้วย
สังคมออนไลน์ไทยก็ไม่ได้นิ่งเฉย หลายโพสต์ตั้งข้อสังเกตว่าคลิปประเภท ‘เกินจริงเพื่อความตลก’ เริ่มกลายเป็นสูตรสำเร็จของอินฟลูเอนเซอร์บางกลุ่มจนทำให้ขอบเขตของความเหมาะสมเริ่มถูกกัดกร่อนทีละน้อย เพราะยอดวิวและการพูดถึงเป็นตัววัดผลสำคัญในยุคนี้ไม่ว่าจะเกิดผลกระทบกับใครก็ตามและนี่คือสิ่งที่น่ากังวลที่สุดในเชิงโครงสร้างวัฒนธรรมคอนเทนต์ของไทย
อีกด้านหนึ่ง นักวิชาการด้านสื่อและการท่องเที่ยวบางคนออกมาให้ความเห็นว่าพฤติกรรมของผู้สร้างคอนเทนต์ควรถูกมองผ่านเลนส์ที่กว้างกว่าคำว่า ‘ทำเพื่อความสนุก’ เพราะคอนเทนต์ที่เผยแพร่สู่สาธารณะสามารถมีผลต่อภาพลักษณ์ของคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะเมื่อตลาดท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่นกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การไม่ใส่ใจมารยาทเพียงเล็กน้อยก็อาจก่อให้เกิดผลลบในระยะยาวได้
นอกจากมิติด้านวัฒนธรรมแล้ว ดราม่านี้ยังถือเป็นตัวอย่างของการปะทะกันระหว่าง ‘เสรีภาพในการสร้างคอนเทนต์’ กับ ‘ความรับผิดชอบต่อพื้นที่สาธารณะ’ ซึ่งเป็นประเด็นทางสังคมระดับสากลในยุคดิจิทัล เพราะเมื่อใครก็สามารถเป็นผู้ผลิตสื่อได้ การใช้อิสระดังกล่าวจึงต้องมาควบคู่กับความเข้าใจว่าพื้นที่สาธารณะไม่ได้เป็นฉากถ่ายคอนเทนต์ของใครคนใดคนหนึ่ง
ชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยแสดงความเหนื่อยใจกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่มักใช้สถานที่สำคัญเป็นเวทีสร้างไวรัล และหลายคอมเมนต์กล่าวตรงกันว่าไม่อยากให้ญี่ปุ่นต้องเพิ่มกฎระเบียบใหม่เพราะบางคนไม่รู้จักควบคุมตัวเอง ความรู้สึกระอาเช่นนี้สะท้อนความเครียดเชิงสังคมที่เกิดขึ้นจากการหลั่งไหลของนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ท้ายที่สุดเหตุการณ์นี้กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้เกิดการทบทวนในระดับกว้าง ทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วไป ผู้ผลิตคอนเทนต์ และแม้แต่สื่อมวลชนในสองประเทศ ว่าการเคารพสถานที่ วัฒนธรรม และความรู้สึกของผู้อื่นไม่ใช่เพียงมารยาทพื้นฐาน แต่เป็นความรับผิดชอบสำคัญที่ทุกคนต้องมีในโลกที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างไร้พรมแดน
ดราม่าแจ็กแปปโฮจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของคนดังทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม แต่เป็นภาพสะท้อนของสังคมที่กำลังตั้งคำถามว่าเราควรให้คุณค่าอะไรในยุคคอนเทนต์เฟื่องฟู ระหว่าง ‘ไวรัลที่ได้มาเร็ว’ กับ ‘ความเคารพที่ควรมีเสมอ’ และบทสนทนานี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการมองพฤติกรรมในพื้นที่สาธารณะอย่างจริงจังมากขึ้นในอนาคต ทั้งในไทย ญี่ปุ่น และทั่วโลก
ในขณะนี้คลิปดังกล่าวในแอคเคานท์ TikTok ของแจ็กแปปโฮ ยังไม่ถูกลบออกจากแพลตฟอร์ม ซึ่งทางด้านตัวแจ็กแปปโฮเองได้รับทราบถึงดราม่าดังกล่าวแล้วและโพสต์ข้อความระบุว่า “ที่ผมไม่ลบโพสต์ คือผมไม่ต้องการหนีปัญหา อย่างน้อยๆ นี่ก็เป็นการผิดพลาดเพื่อแก้ไขปรับปรุงไม่ใช่ลบเพื่อให้คนลืมไปว่าเราไม่ได้ทำ เราทำให้มันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ทำ ผมน้อมรับทุกคำด่า… #ขออภัยทุกคนด้วยครับ”



