เคาะความต่าง CSAT (ซูนึง) vs TCAS (GAT PAT) การสอบวัดระดับเกาหลีใต้กับไทยที่สะท้อนค่านิยมการศึกษา

13 พ.ย. 2568 - 06:01

  • เทียบชัดๆ ความแตกต่างที่สะท้อนค่านิยมการศึกษาของการสอบวัดระดับเกาหลีใต้กับไทย

เคาะความต่าง CSAT (ซูนึง) vs TCAS (GAT PAT) การสอบวัดระดับเกาหลีใต้กับไทยที่สะท้อนค่านิยมการศึกษา

หลายๆ คนที่ติดตามวงการบันเทิงต่างๆ ของประเทศเกาหลีใต้อาจจะรู้จักหรือเคยได้ยินคำว่า ซูนึง (Suneung) และเคยผ่านตาภาพของนักเรียนมัธยมปลายเดินเข้าโรงเรียนในตอนเช้าที่มีคนคอยส่งและให้กำลังใจเพื่อเดินเข้าไปสอบครั้งใหญ่ในการเปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเอง 

ในทุกๆ เดือนพฤศจิกายนของทุกปีประเทศเกาหลีใต้จะเงียบลงชั่วขณะ ถนนโล่ง รถโดยสารเลื่อนเวลาวิ่ง เครื่องบินหยุดขึ้น-ลงชั่วคราว แม้แต่ร้านค้าหลายแห่งก็เปิดช้ากว่าปกติ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุเพราะเป็นวันสอบ ‘CSAT’ หรือที่ชาวเกาหลีเรียกว่า ซูนึง (Suneung) การสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับชาติเพียงครั้งเดียวที่สามารถกำหนดทิศทางชีวิตของเยาวชนทั้งประเทศได้ในคราวเดียว 

CSAT (College Scholastic Ability Test) เป็นการสอบที่จัดขึ้นโดยกระทรวงศึกษาธิการเกาหลีใต้เพื่อวัดความสามารถทางวิชาการของนักเรียนปลายมัธยมปลายก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เนื้อหาครอบคลุมหลากหลายด้านทั้งภาษาเกาหลี คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาต่างประเทศเพิ่มเติม  

การสอบนี้ไม่ได้เป็นเพียงแบบทดสอบธรรมดาแต่เป็นเหตุการณ์ระดับชาติที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญอย่างจริงจัง รัฐบาลต้องจัดการจราจร ลดเสียงเครื่องบิน และสนับสนุนการเดินทางของผู้เข้าสอบอย่างเป็นระบบ เพราะคะแนน CSAT มีผลโดยตรงต่อโอกาสในการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Seoul National University, Korea University และ Yonsei University ซึ่งถือเป็นจุดหมายสูงสุดของนักเรียนเกาหลีจำนวนมาก 

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่าง CSAT กับระบบการสอบของหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยคือระดับของการแข่งขันและความกดดันที่สูงอย่างมหาศาล  

นักเรียนเกาหลีจำนวนมากใช้เวลาหลายปีในการเตรียมตัวสอบนี้ บางคนถึงขั้นยอมเรียนซ้ำปีเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้คะแนนสูงกว่าในปีถัดไป ครอบครัวจำนวนไม่น้อยยอมลงทุนกับการติวในสถาบันกวดวิชาที่เปิดจนดึกแบบที่เห็นกันในซีรีส์เกาหลีเพื่อให้ลูกหลานพร้อมที่สุดสำหรับวันสำคัญ 

แต่ระบบการสอบนี้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยในเกาหลีใต้ว่าเป็นสังคมของการแข่งขันไม่รู้จบที่ผลักภาระความคาดหวังมหาศาลให้เยาวชนแบกรับไว้ตั้งแต่วัยเรียน แต่ในอีกมุมหนึ่งก็สะท้อนค่านิยมของประเทศที่เชื่อมั่นในความพยายาม ความสามารถ และความอดทน 

เมื่อเทียบกับประเทศไทยระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัยไทยผ่านการสอบ GAT PAT หรือ TCAS มีความเข้มข้นเช่นกันแต่มีความยืดหยุ่นมากกว่า ผู้เรียนสามารถยื่นคะแนนได้หลายรอบ มีทางเลือกจากหลายวิชา สามารถใช้ผลสอบอื่นร่วมด้วย เช่น O-NET หรือผลสอบวิชาสามัญ ทำให้แรงกดดันกระจายตัวไม่รวมศูนย์อยู่เพียงวันเดียวเหมือนของเกาหลีใต้เพียงแต่ค่าใช้จ่ายในการลงสมัครสอบ TCAS ก็นับว่าสูงไม่น้อยสำหรับการสอบหนึ่งครั้ง 

แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเริ่มมีแนวโน้มที่นักเรียนเกาหลีบางส่วนเลือกที่จะไม่เข้าสอบ CSAT โดยเฉพาะในกลุ่มศิลปินไอดอลและเยาวชนที่มีเส้นทางอาชีพชัดเจนแล้วในวงการบันเทิงหรือกีฬา 

เหตุผลสำคัญคือความเปลี่ยนแปลงของเส้นทางอาชีพในยุคใหม่ที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ใบปริญญาหรือวุฒิการศึกษาเท่านั้น อีกทั้งการเตรียมตัวสอบ CSAT ต้องใช้เวลาและพลังอย่างมากซึ่งสำหรับศิลปินที่อยู่ในช่วงโปรโมทเพลงหรือทำงานอย่างหนักอาจเป็นเรื่องยากที่จะจัดสรรเวลาเพื่อเตรียมสอบได้อย่างจริงจัง 

ในปี 2025 นี้มีศิลปิน K-POP หลายคนที่ตัดสินใจไม่ลงสอบ CSAT ไม่ว่าจะเป็น อีซอ จากวง IVE, อาฮยอน และ รามิ จากวง BABYMONSTER, ยูฮา และ สเตลล่า จากวง Hearts2Hearts, นาริน จากวง MEOVV, ยุนแช จากวง KATSEYE, ชเวจองอึน จากวง izna, รวมถึงสมาชิกวง tripleS อย่าง คิมซูมิน, คิมแชวอน, จองฮายอน และ จองฮเยริน  

การตัดสินใจของพวกเธอได้รับความสนใจจากแฟนๆ จำนวนมาก สะท้อนถึงแนวคิดใหม่ของคนรุ่นนี้ที่มองว่าเส้นทางแห่งความสำเร็จไม่ได้มีเพียงการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการพัฒนาทักษะอาชีพและโอกาสในสายงานที่ตนรัก 

สำหรับคนเกาหลีส่วนใหญ่การสอบ CSAT ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความพยายามและการเติบโต เป็นเหมือนพิธีกรรมที่ทุกคนต้องผ่าน ในวันสอบพ่อแม่จะไปส่งลูกด้วยความภาคภูมิใจ รุ่นพี่จะมายืนให้กำลังใจหน้าโรงเรียน วัดและโบสถ์ต่างๆ จะเปิดให้ผู้ปกครองมาสวดขอพรให้บุตรหลานสอบได้ เหล่านี้เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมการศึกษาที่หยั่งรากลึกในสังคม 

แม้เกาหลีใต้จะเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่เข้มงวดและแข่งขันสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลกแต่การเปลี่ยนแปลงของคนรุ่นใหม่กำลังบอกสังคมว่าความสำเร็จไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบเดียวเสมอไป เช่นเดียวกับในประเทศไทยที่แม้ระบบ GAT PAT จะสร้างความกดดันแต่ก็เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกเส้นทางของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสายอาชีพ สายศิลปะ หรือสายสร้างสรรค์ ทั้งสองประเทศต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือการเปิดประตูสู่อนาคตให้เยาวชนเพียงแต่เส้นทางนั้นอาจต่างกันในความเข้มข้นและในคุณค่าที่สังคมให้กับการศึกษาและความสำเร็จ 

เมื่อมองในภาพกว้างความแตกต่างระหว่าง CSAT กับ GAT PAT จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของข้อสอบหรือระบบการคัดเลือกแต่เป็นภาพสะท้อนของแนวคิดทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างลึกซึ้ง เกาหลีใต้ยังคงเชื่อในพลังของความพยายามที่มาพร้อมระเบียบวินัยและแรงกดดันส่วนประเทศไทยให้พื้นที่กับความหลากหลายและการค้นหาตัวตนมากกว่า  

ไม่ว่าระบบไหนจะเข้มงวดหรือยืดหยุ่นเพียงใดสุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมองเห็นคุณค่าของการเรียนรู้ในแบบของตัวเอง เพราะความสำเร็จไม่ได้วัดจากคะแนนสอบในวันเดียวแต่อยู่ที่ความสามารถในการเติบโตและใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายในระยะยาวต่างหาก 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์