บนโลกออนไลน์ที่เปลี่ยนไปตลอด 24 ชั่วโมง ล่าสุดกระแสแฮชแท็ก #เปิดการมองเห็น ถูกกลับมาพูดถึงอีกครั้งว่าสิ่งนี้มันสามารถช่วยให้คนมองเห็นคอนเทนต์ที่คุณสร้างขึ้นมาจริงหรือไม่? แล้วคอนเทนต์ที่ทำคุณภาพแบบไหนที่คู่ควรแก่การมองเห็น แฮชแท็กนี้กำลังสะท้อนความเป็นจริงที่น่าวิตกของโลกออนไลน์ปัจจุบันว่าคุณค่าของเนื้อหาและความถูกต้องอันไหนควรมาก่อนกันแน่
วิวัฒนาการของแฮชแท็กบนโลกออนไลน์
วิวัฒนาการของแฮชแท็กได้เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลายในปี 2025 โดยบางส่วนเชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้เกิดกลุ่มคนที่ชื่นชอบและสนใจในสิ่งเดียวกันได้มองเห็นคอนเทนต์ได้ง่ายขึ้น การใช้งานแฮชแท็กจึงเป็นองค์ประกอบที่ถูกเพิ่มขึ้นมาในโลกออนไลน์จนลุกลามไปสู่การนำแฮชแท็กมาประกอบคอนเทนต์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ด้อยคุณภาพไปจนถึงคอนเทนต์ที่ถูกก๊อปปี้มาจากที่อื่น
โดยข้อมูลจาก American Marketing Association ปี 2024 เผยว่าแฮชแท็กบนแพลตฟอร์ม Instagram ยังคงช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมได้ โพสต์ที่มีอักขระ 21-25 ตัวให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามปริมาณโพสต์ที่ใช้แฮชแท็กยอดนิยมจำนวนมากทำให้เนื้อหาที่ครีเอเตอร์สร้างมีความหลากหลายมากขึ้นทั้งดีและไม่ดี
สำหรับโปรไฟล์ Instagram ที่มีผู้ติดตามน้อยกว่า 5,000 คนการใช้แฮชแท็กสามารถเพิ่มการเข้าถึงได้ 36% เมื่อวางในแคปชัน ขณะที่บัญชีที่มีผู้ติดตามมากกว่า 100,000 คนมีการมองเห็นเพิ่มขึ้นเพียง 14% เท่านั้น
ปรากฏการณ์วัฒนธรรม "Brain Rot" คอนเทนต์จาก AI สู่การเปลี่ยนไปของผู้สร้างคอนเทนต์ดีๆ ด้วยความตั้งใจ
ปรากฏการณ์เนื้อหา "Brain Rot" กลายเป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าการสร้างคอนเทนต์ในเวลาอันสั้นคุณภาพไม่สำคัญเท่าจำนวนของคอนเทนต์ คำว่า "Brain rot" เป็นอีกหนึ่งคำในปี 2024 ที่ Oxford ได้ลงมือศึกษาและสะท้อนการยอมรับอย่างกว้างขวางของปรากฏการณ์นี้ไว้ว่านี่คือวิธีการทำคอนเทนต์ที่จะเปลี่ยนแนวคิดของโลกออนไลน์ในอนาคต
ผลการศึกษาบ่งชี้ว่าการใช้ AI เพื่อสร้างตัวละคร Brain Rot เพิ่มขึ้น 230% ตั้งแต่ต้นปี 2023 ไปจนถึงปี 2024 แสดงให้เห็นถึงการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของเนื้อหาประเภทนี้ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ส่งผลกระทบขยายออกไปสู่วิธีการสื่อสารแนวใหม่ที่ต้องรู้เท่าทันโลกโซเชียลมีเดีย
เมื่อคอนเทนต์ปรับเปลี่ยนวิธีเป็นเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ
อัลกอริทึมโซเชียลมีเดียได้รับการเปลี่ยนแปลงในปี 2025 โดยเปลี่ยนจากการค้นหาเนื้อหาที่ใช้แฮชแท็กไปสู่ระบบ AI ที่ซับซ้อนโดยให้ความสำคัญกับคุณภาพของเนื้อหา ความตั้งใจของผู้ใช้ รวมไปถึงรูปแบบการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ อัลกอริทึมของ Meta ณ เวลานี้สามารถวิเคราะห์ระยะเวลาการมีส่วนร่วมของผู้ใช้กับโพสต์และให้ความสำคัญกับการปฏิสัมพันธ์ที่ยั่งยืนมากกว่าการกดไลก์อย่างรวดเร็ว
อัลกอริทึมของ TikTok เองก็เช่นเดียวกัน ในปี 2025 ได้มีวิวัฒนาการให้ผู้ใช้ใส่ใจความสำคัญกับแคปชันที่ปรับปรุงด้วยคีย์เวิร์ด ข้อความบนหน้าจอ และทางแพลตฟอร์มแนะนำให้ใช้เพียง 3-5 แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้ใช้ก็นิยมการใช้แฮชแท็กไม่ถูกประเภท กลายเป็นว่าผู้คนเน้นการลงคลิปแบบปริมาณเอาเยอะเข้าว่ามากกว่าคุณภาพที่ทุกคนจะได้ดูจากคลิปเหล่านั้น ส่งผลให้อัลกอริทึมก็ฟีดคอนเทนต์แปลกๆ มาให้กับผู้ใช้อยู่ดีถึงแม้จะมีการกำหนดแฮชแท็กก็ตาม
Instagram ก็เช่นเดียวกัน แม้จะมีระบบการจัดอันดับหลายรูปแบบแต่คอนเทนต์ที่เป็นรูปแบบเนื้อหาวิดีโอและรูปภาพพบว่าการใช้งานบนแพลตฟอร์ม Threads มีอิทธิพลมากกว่าการใช้งานบนฟีด Instagram
บริบทและผลกระทบของทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในประเทศไทย
สถิติระบุว่าผู้ใช้งานจากประเทศไทยใช้เวลาเฉลี่ย 42 ชั่วโมง 14 นาทีต่อเดือนบน YouTube ตามด้วย 37 ชั่วโมง 40 นาทีบน TikTok อย่างใกล้เคียงกัน
แอพพลิเคชัน LINE ครองตลาดโซเชียลมีเดียของไทยในฐานะแพลตฟอร์มที่ถูกใช้บ่อยที่สุด โดยการใช้บริการ LINE กลายเป็นสิ่งที่หลายคนขาดไม่ได้แล้วในชีวิตประจำวัน จากบริการนี้เองทำให้คอนเทนต์มากมายได้หลั่งไหลเข้าสู่โลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว
จากเรื่องราวทั้งหมดการวิจัยการตลาดจากสถาบันไทยเน้นย้ำเรื่องการใช้แฮชแท็กเป็นเครื่องมือสำหรับสร้างประสบการณ์ร่วมและการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยสังเกตประสิทธิภาพในการส่งเสริมการรับรู้แบรนด์และกระตุ้นให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในแคมเปญส่งเสริมการขาย มุมมองนี้เน้นถึงประโยชน์ทางการตลาดของแฮชแท็กที่ยังคงอยู่ในบริบทไทยแม้ว่าแนวโน้มทั่วโลกจะเคลื่อนไปสู่การให้ความสำคัญกับคุณภาพเนื้อหามากกว่าก็ตาม ถึงอย่างไรก็ดีปัจจุบันผู้ใช้งานโลกออนไลน์มีอายุที่หลากหลายและมีการรับรู้ที่แตกต่างกัน ฉะนั้นแล้วการเล่นโลกโซเชียลมีเดียในยุคปัจจุบันหากเน้นแนวทางการสร้างคุณค่าจากเนื้อหาให้เกิดขึ้นจากตัวครีเอเตอร์เองย่อมดีกว่าการติดแฮชแท็กเพื่อเรียกความสนใจ ดังนั้นฝากถึงเหล่าครีเอเตอร์หากสิ่งที่คุณทำอยู่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากตัวตนที่แท้จริงของคุณยังไงคุณภาพก็ชนะปริมาณอยู่ดี แม้มันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยแต่เมื่อช่วงแห่งชัยชนะมาถึงคอนเทนต์เหล่านั้นจะมีคุณค่าต่อระบบนิเวศโลกออนไลน์ไม่มากก็น้อยในที่สุด
