ข้อตกลงการค้าใหม่ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปได้จุดประกายความวิตกกังวลในหมู่นักรณรงค์ด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม หลังมีข้อผูกพันให้ยอมรับมาตรฐานยานยนต์ของกันและกัน ซึ่งอาจเปิดทางให้รถกระบะขนาดใหญ่อย่าง RAM และ Ford F-150 เข้าสู่ตลาดยุโรปในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันรถกระบะยอดนิยมเหล่านี้ยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้งานในยุโรป และสามารถนำเข้าได้เฉพาะกรณีพิเศษเท่านั้น เพื่อดัดแปลงใช้กับผู้พิการหรือหน่วยกู้ภัย แต่ความสนใจจากประชาชนทั่วไปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตลาดรถกระบะในยุโรปเติบโต
องค์กร Transport & Environment (T&E) รายงานว่ามีการขายรถกระบะประมาณ 7,000 คันทั่วยุโรปในปี 2024 เพิ่มขึ้นจากเพียงไม่กี่ร้อยคันเมื่อ 6 ปีก่อน ที่ตัวแทนจำหน่าย US Trucks ในเเบลเยียม โดกัน ยิลมาส เจ้าของร้านระบุว่ารถเหล่านี้เป็น การผสมผสานระหว่างรถทำงานและรถครอบครัวที่สะดวกสบาย
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายย่อยและบริษัทเล็กในธุรกิจก่อสร้างหรือเกษตรกรรม โดยร้าน US Trucks ซึ่งเป็นหนึ่งในสามตัวแทนจำหน่ายในเบลเยียมขายได้ถึง 30 คันต่อปี
ข้อกังวลด้านความปลอดภัย
เจมส์ นิกซ์ จาก T&E เรียกรถกระบะเหล่านี้ว่า ‘รถสัตว์ประหลาด’ และเตือนว่าหากดำเนินการตามข้อตกลงความก้าวหน้าด้านความปลอดภัย มลพิษทางอากาศ และ CO2 ตลอด 20 ปีจะถูกทำลายในชั่วข้ามคืน
สภาความปลอดภัยการขนส่งยุโรป (ETSC) ชี้ให้เห็นว่ารถยนต์ในยุโรปต้องเป็นไปตามข้อกำหนดความปลอดภัยที่รถสหรัฐฯ ไม่มี เช่น ระบบเตือนเข็มขัดนิรภัย ระบบเบรกฉุกเฉิน ระบบช่วยรักษาเลน และการออกแบบที่จำกัดผลกระทबต่อคนเดินเท้า
ความเสี่ยงสูงต่อคนเดินเท้าและนักปั่น
ETSC ระบุว่าแม้คนขับรถกระบะจะปลอดภัยกว่าค่าเฉลี่ยในการชน แต่คนเดินเท้าหรือนักปั่นจักรยานที่ถูกชนจะมีความเสี่ยงบาดเจ็บสาหัสเพิ่มขึ้น 90% T&E เสริมว่าหน้ากระโปรงรถ RAM สูงมากจนเด็กอายุไม่เกิน 9 ปีที่ยืนอยู่ข้างหน้าจะมองไม่เห็นจากคนขับทั่วไป
คณะกรรมาธิการยุโรปยืนยันไม่ลดมาตรฐาน
โฆษกโอลาฟ กิลด์ จากคณะกรรมาธิการยุโรปยืนยันาจะไม่ลดมาตรฐานของอียู มีหลายหัวข้อที่เราสามารถพิจารณาความร่วมมือได้ แต่เราจะไม่ลดมาตรฐานใด ๆ ที่เราสร้างขึ้นมาหลายทศวรรษ
การเปลี่ยนแปลงใด ๆ จะต้องได้รับการอนุมัติจากประเทศสมาชิกและรัฐสภายุโรป ซึ่ง พรรคกรีนและรองประธานคณะกรรมาธิการคมนาคมกล่าวว่า จะทำงานอย่างหนักเพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตบนท้องถนน

