TikTok ประกาศเปิดตัวระบบตรวจสอบข้อเท็จจริงแบบใหม่ที่เรียกว่า Footnotes ในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันพุธ โดยอาศัยพลังจากชุมชนผู้ใช้ในการช่วยกันตรวจสอบและให้ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเนื้อหาที่อาจทำให้เข้าใจผิดหรือไม่ถูกต้อง
ระบบ Footnotes ทำงานอย่างไร
อดัม เพรสเซอร์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการและความปลอดภัยของ TikTok อธิบายผ่านบล็อกโพสต์ว่า Footnotes ใช้ความรู้รวมของชุมชน TikTok โดยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มข้อมูลที่เกี่ยวข้องลงในคอนเทนต์ได้ ฟีเจอร์นี้เริ่มทดสอบตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่เข้าร่วมโปรแกรมนำร่อง Footnotes สามารถเริ่มเขียนและให้คะแนน footnotes บนวิดีโอสั้นได้ และชุมชนของเราในสหรัฐฯ จะเริ่มเห็น footnotes ที่ได้รับการประเมินว่ามีประโยชน์ เพรสเซอร์กล่าว
ผู้ใช้กว่า 80,000 คนร่วมเป็นผู้ตรวจสอบ
TikTok เปิดเผยว่ามีผู้ใช้ในสหรัฐฯ เกือบ 80,000 คนที่มีคุณสมบัติเป็นผู้ร่วมเขียน Footnotes จากผู้ใช้ทั้งหมดประมาณ 170 ล้านคนในประเทศ โดยผู้ที่จะเข้าร่วมต้องมีบัญชีมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน
แพลตฟอร์มระบุว่า Footnotes จะเสริมมาตรการตรวจสอบความถูกต้องที่มีอยู่เดิม เช่น การติดป้ายกำกับเนื้อหาที่ไม่สามารถยืนยันได้ และการร่วมมือกับองค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่าง AFP ในการประเมินความถูกต้องของโพสต์บนแพลตฟอร์ม
กระแสแพลตฟอร์มหันใช้ระบบชุมชน
ระบบตรวจสอบโดยชุมชนได้รับความนิยมจากแพลตฟอร์ม X ของอีลอน มัสก์ แต่นักวิจัยหลายกลุ่มตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพในการต่อสู้กับข้อมูลเท็จ การศึกษาล่าสุดจาก Digital Democracy Institute of the Americas พบว่า Community Notes บน X กว่า 90% ไม่เคยได้รับการเผยแพร่เลย
เมต้าเองก็ประกาศยุติโปรแกรมตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยบุคคลที่สามในสหรัฐฯ เมื่อต้นปีนี้ โดยมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอระบุว่านำไปสู่ ‘การเซ็นเซอร์มากเกินไป’ และหันมาใช้ระบบ Community Notes บน Facebook และ Instagram แทน
ข้อจำกัดและความท้าทาย
TikTok เตือนว่าอาจต้องใช้เวลาสักพักกว่า footnote จะปรากฏต่อสาธารณะ เนื่องจากผู้ร่วมเขียนต้องคุ้นเคยกับฟีเจอร์ใหม่นี้ก่อน "ยิ่งมี footnotes ถูกเขียนและประเมินในหัวข้อต่างๆ มากเท่าไหร่ ระบบก็จะฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น" เพรสเซอร์กล่าว
งานวิจัยชี้ว่า Community Notes อาจได้ผลในการขจัดข้อมูลเท็จบางประเภท แต่ทำงานได้ดีที่สุดกับหัวข้อที่มีความเห็นพ้องต้องกันในวงกว้าง นักวิจัยบางกลุ่มยังเตือนว่าผู้ใช้อาจถูกจูงใจด้วยความเชื่อทางการเมืองในการโจมตีฝ่ายตรงข้าม ทำให้เกิดคำถามว่าระบบชุมชนจะสามารถรักษาความเป็นกลางและต่อสู้กับข้อมูลเท็จได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่