คดีภาษีหุ้นชินคอร์ป ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2560 และเป็นคดีใหญ่ที่ถูกจับตามองมายาวนานกว่า 8 ปี วันนี้มีบทสรุปสำคัญ เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษากลับ ทำให้กรมสรรพากรกลับมาเป็นฝ่ายชนะคดี และสามารถเดินหน้าบังคับคดีเรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้อีกครั้ง
วันนี้ (17 พฤศจิกายน 2568) ศาลฎีกามีคำพิพากษากลับในคดีภาษีที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นโจทก์ฟ้องกรมสรรพากรในฐานะจำเลย หลังเกิดข้อพิพาทเรื่องการประเมินภาษีจากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่า 1.76 หมื่นล้านบาท
คดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2560 เมื่อกรมสรรพากรออกหนังสือประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากการขายหุ้นชินคอร์ปฯ ทำให้นายทักษิณยื่นคัดค้าน และพัฒนามาเป็นคดีความยาวหลายชั้นศาล
คดีก่อนหน้านี้ ฝ่ายนายทักษิณเป็นผู้ชนะ
• ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้ เพิกถอนการประเมินภาษี
โดยเห็นว่าการดำเนินการของกรมสรรพากร “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
• ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พิพากษายืนตามศาลภาษีอากรกลาง
ทำให้นายทักษิณชนะคดีในสองชั้นศาล
แต่วันนี้ ศาลฎีกาพิพากษากลับ
โดยศาลฎีกามีคำพิพากษา ‘ไม่ยืน’ ตามศาลอุทธรณ์ และ ให้บังคับคดีเรียกเก็บภาษีตามประเมิน จากการขายหุ้นชินคอร์ปฯ ตามจำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการกลับคำพิพากษาอย่างมีนัยสำคัญ
ขั้นตอนต่อไป กรมสรรพากรจะต้องดำเนินการเรื่อง ‘หมายบังคับคดี’ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา ราว 1-2 เดือน ก่อนเข้าสู่กระบวนการบังคับคดีจริง
คดีนี้ถือเป็นหนึ่งในคดีภาษีที่ถูกจับตามองมากที่สุดของประเทศในรอบเกือบทศวรรษ ทั้งในมิติภาษี การเมือง และผลกระทบต่อภาครัฐ


