เศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในจังหวะ “ต้องเร่งปรับโครงสร้าง–เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน” ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนเร็วกว่าที่เคย ทั้งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เทคโนโลยีใหม่ และกติกาการค้ารูปแบบใหม่ ซึ่งในงานปาฐกถาพิเศษ “Bangkok Post Economic Forum 2025” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งสัญญาณสำคัญถึง “ทิศทางเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทย” ที่ต้องเดินหน้าอย่างมีสมดุล พร้อมวางตำแหน่งใหม่ให้ไทยอยู่ในห่วงโซ่อุปทานโลกได้อย่างมั่นคง
ทางเดินเศรษฐกิจไทยต้องปรับสู่ Demand-Driven - High Value - Supply Resilient
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Reigniting Thailand’s Growth Engine: Trade and Exports” ในงาน Bangkok Post Economic Forum 2025 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 79 ปีของบางกอกโพสต์ โดยระบุว่า “การส่งออกยังเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดของเศรษฐกิจไทย” คิดเป็นกว่า 60% ของ GDP และในช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 ไทยส่งออกได้รวม 254,146.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 13.9% YoY สะท้อนความสามารถแข่งขันที่ยังเข้มแข็ง และส่งผลดีต่อการจ้างงาน–รายได้ทั่วประเทศ
4 แรงสั่นสะเทือนเศรษฐกิจโลก บังคับไทยต้องปรับตัวทันที
รมว.พาณิชย์ชี้ว่า เศรษฐกิจโลกวันนี้กำลังเคลื่อนที่ด้วย 4 เทรนด์ใหญ่ ได้แก่
1. De-globalization - เกิด Trade Diversion ประเทศต่าง ๆ ย้าย supply chain ไปยังฐานการผลิตที่ปลอดภัยกว่า ไทย เวียดนาม อินเดีย กลายเป็นจุดรับการค้าใหม่
2. De-carbonization - ความเสี่ยงโลกร้อนผลักดันกฎเข้ม เช่น มาตรการ CBAM ของยุโรป
3. Digitalization - ดิจิทัลกำลังนิยามเกมใหม่ทั้งการผลิต การตลาด และการค้าระหว่างประเทศ
4. Demographics - ไทยเสี่ยงสูญเสียแรงส่งเศรษฐกิจจากโครงสร้างสังคมสูงวัย หากไม่เร่งยกระดับผลิตภาพ
ยุทธศาสตร์พาณิชย์ “Balance - Inclusive - Diversify”
กระทรวงพาณิชย์จึงต้องขับเคลื่อนกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อให้การส่งออกอยู่บนฐานที่มั่นคง ผ่านแนวทาง
• Balance: รักษาสมดุลความสัมพันธ์มหาอำนาจ พร้อมสร้างความเชื่อมโยงลึกในอาเซียน–เอเชียแปซิฟิก
• Inclusive: ดัน SMEs ไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานโลก
• Diversify: ขยายตลาดใหม่ กระจายความเสี่ยงสินค้า และเข้าสู่ supply chain ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น
ไทยตั้งเป้าขึ้นเป็น Food Security Hub, ศูนย์กลางโลจิสติกส์-พลังงานของภูมิภาค และฐานอุตสาหกรรม S-Curve ที่เน้นมูลค่ามากกว่าปริมาณ
‘Quick Big Wins’ เร่งเครื่องเศรษฐกิจไทยให้เห็นผลเร็ว-ยืนระยะยาว
สำหรับมาตรการสำคัญที่กำลังเดินหน้า ได้แก่
• เร่งเจรจา FTA และบุกตลาดใหม่
• รับมือภาษีสหรัฐฯ และ Trade Diversion
• เพิ่มศักยภาพ SMEs ให้ผลิตสินค้ามูลค่าสูง
• สร้างเสถียรภาพรายได้ฐานราก

รมว.ศุภจี ยังเผยผลการเดินทางไปสหรัฐฯ ว่า ไทยได้ ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเกษตร–อาหารหลายรายการ ซึ่งเป็นสินค้าที่ ‘สหรัฐฯ ผลิตไม่พอ’ ถือเป็น "หน้าต่างโอกาส" ของผู้ส่งออกไทยในการเจาะตลาดอเมริกา
ไทยได้แรงหนุนการลงทุนใหม่ แต่ต้องเร่งเพิ่ม Local Content
ทั้งนี้ ด้วยกระแส reshoring และ friend-shoring ประเทศไทยกำลังได้รับเงินลงทุนใหม่จากนักลงทุนต่างชาติ แต่ต้องรับเงื่อนไขสำคัญ คือ เพิ่ม Local Content ใช้แรงงาน-วัตถุดิบในประเทศให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ไทยกลายเป็นเพียงจุดส่งต่อสินค้า (trans-shipment)
ศุภจีระบุว่า นี่คือโอกาสยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจจากฐานราก สร้าง SMEs ใหม่ เพิ่มทักษะแรงงาน และเชื่อม supply chain ไทยกับ supply chain โลกแบบยั่งยืน
ก้าวต่อไป: Demand-Driven และ High Value Production คือคำตอบ
รมว.พาณิชย์ย้ำว่า ภาคการผลิตต้องเปลี่ยนจาก
• Supply-Driven → Demand-Driven เน้นรู้ความต้องการตลาดลึกถึง “ระดับ HS Code”
• ผลิตสินค้า High Value ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และสร้างข้อได้เปรียบในห่วงโซ่อุปทานโลก
“ต้องมองประโยชน์ของคู่ค้า และสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน คือหัวใจสำคัญ”
— ศุภจี ย้ำ
วัดผลเป็นสัปดาห์ - ทำงานแบบกลไกตอบสนองเร็ว
รมว.พาณิชย์ ยังเผย ช่วง 4 เดือนของการทำงาน กระทรวงได้กำหนด Weekly KPI ให้ทุกทีมงาน หากงานใดติดขัดจะวิเคราะห์และแก้ทันที เพื่อให้มาตรการ “กระตุ้นสั้น-ได้ผลยาว-กระจายถึงทุกภาคส่วน” และวางรากฐานเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืนในระยะยาว



