หุ้นไทยยังผันผวน รอลุ้นปัจจัยกลางสัปดาห์–กรุงศรี ชี้ ไทยมีโอกาสก้าวสู่ “Data Center Hub” แห่งอาเซียน
กรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ (9 ส.ค.) คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวสร้างฐานในกรอบ ก่อนฟื้นตัว โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,253–1,260 จุด และแนวรับที่ 1,239–1,229 จุด ขณะที่แรงขายจำกัด เนื่องจาก Valuation ของตลาดไทยปรับเข้าสู่โซน “Deep Value” สะท้อน Forward ERP อยู่ในระดับสูงถึง 5.66%
รอติดตามปัจจัยกลางสัปดาห์ – Fed และ PMI
หัวหน้าสายงานวิจัย บล. กรุงศรี มองว่า ตลาดทั่วโลกกำลังรอความชัดเจนจากถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่จะขึ้นกล่าวในงานประชุม Jackson Hole วันที่ 22 ส.ค. ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัญญาณสำคัญว่าธนาคารกลางสหรัฐกำลังเข้าใกล้ “จุดเปลี่ยนของนโยบายการเงิน” หรือไม่ นอกจากนี้ ตัวเลข Flash PMI สหรัฐ (21 ส.ค.) คาดอยู่ที่ 49.8 จุด ใกล้โซนหดตัว สะท้อนภาคการผลิตยังเปราะบาง ขณะที่ภาคบริการยังแข็งแกร่ง
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวนเล็กน้อย โดย ดัชนีดาวโจนส์ -0.08% , S&P500 -0.01% และ Nasdaq +0.03% ขณะที่หุ้นรายตัวอย่าง Intel ร่วงแรง 3.66% จากข่าวรัฐบาลสหรัฐอาจเข้าถือหุ้น 10% ขณะหุ้นพลังงานสะอาด (Solar) และ Tesla ปรับตัวบวก
ไทยมีโอกาสก้าวสู่ “Data Center Hub” ต่อจากมาเลเซีย
หัวหน้าสายงานวิจัย บล. กรุงศรี ประเมินว่า หนึ่งในธีมสำคัญระยะกลางถึงยาว คือ โอกาสที่ ประเทศไทยจะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง Data Center (DC) ของภูมิภาค ต่อจากสิงคโปร์และมาเลเซีย เนื่องจากมาเลเซียเริ่มเผชิญข้อจำกัดด้านทรัพยากร ทั้งไฟฟ้าและน้ำที่ไม่เพียงพอรองรับความต้องการ โดยเฉพาะรัฐยะโฮร์ที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอ และต้องพึ่งพาซัพพลายน้ำจากสิงคโปร์
“จุดแข็งของไทยคือระบบไฟฟ้ามั่นคงกว่า มีความมั่นคงด้านน้ำสูง และตั้งอยู่ใกล้โครงข่ายอินเทอร์เน็ตหลักของภูมิภาค ทำให้นักลงทุนระดับโลกทั้ง Google และผู้เล่นรายอื่นกว่า 20 ราย เริ่มเข้ายื่นขอส่งเสริมการลงทุนกับ BOI แล้ว”
ทั้งนี้ กลุ่มหุ้นที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากกระแสดังกล่าว ได้แก่
• Power: GULF, GPSC
• Industrial Estate: WHA, AMATA
• Telecom & Infra: ADVANC, TRUE
• Data Center Construction: INSET
• Digital Transformation: BBIK
มุมมองเศรษฐกิจไทยและหุ้นเด่น
เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2568 ขยายตัว 2.8% สูงกว่าตลาดคาดที่ 2.7% โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่โต 12.2% และการลงทุนทั้งภาคเอกชนและรัฐที่ขยายตัว 5.8% สะท้อนว่า Downside Risk ของเศรษฐกิจไทยมีจำกัด แม้สภาพัฒน์ประเมิน GDP ปี 2568 อยู่ที่ 1.8–2.3% ต่ำกว่าประมาณการของธนาคารแห่งประเทศไทย (2.3%) ก็ตาม
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Selective Buy ใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. ท่องเที่ยวและบริการ – MINT, CENTEL, AOT, BDMS, BH, CRC, CPALL
2. Infra Tech & Data Center – GULF, WHA, AMATA, ADVANC, TRUE, INSET, BBIK
3. ธนาคารและส่งออก – BBL, SCB, KBANK, KCE, CPF, GFPT
Best Picks ของบล.กรุงศรี ประจำวันนี้ ได้แก่ GULF, WHA, AMATA ผสาน ADVANC และ PTTGC