ไรน์เมทัลเปิดโรงงานยุทโธปกรณ์ยักษ์ในยุโรป เสริมขีดป้องกันตะวันตก

บริษัทผู้ผลิตอาวุธยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ไรน์เมทัล เปิดโรงงานผลิตยุทโธปกรณ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยเลขาธิการใหญ่องค์การนาโต มาร์ก รุตเต้ ให้การสนับสนุนว่าเป็นการเสริมความแกร่งให้กับการป้องกันของชาติตะวันตก

โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองอุนเทอร์ลีส์ทางตอนเหนือของเยอรมนี มีพื้นที่ 30,000 ตารางเมตร หรือเท่ากับสนามฟุตบอล 5 สนาม สามารถผลิตกระสุนปืนใหญ่ได้ 350,000 นัดต่อปีภายในปี 2027

ตอบโต้ภัยคุกคามจากจีนและรัสเซีย

รุตเต้กล่าวในพิธีเปิดว่า นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของเราเอง และยังช่วยสนับสนุนยูเครนในการต่อสู้ในปัจจุบัน รวมทั้งยับยั้งการรุกรานใดๆ ในอนาคต

เลขาธิการใหญ่นาโตระบุว่ายุโรปและสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญความท้าทายจากจีนและรัสเซีย แต่เมื่อร่วมมือกันแล้ว กำลังมุ่งหน้าสู่การเปลี่ยนกระแสการผลิตเพื่อการป้องกันประเทศ

การเพิ่มขีดความสามารถทางทหารของยุโรป

ยุโรปได้เร่งเพิ่มการผลิตอาวุธและความพร้อมทางทหารหลังจากที่รัสเซียเปิดการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2022 การเร่งดำเนินการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้ยุโรปรับผิดชอบการป้องกันตนเองมากขึ้น

รุตเต้เปิดเผยว่า การผลิตกระสุนปืนใหญ่ทั่วทวีปยุโรปในปัจจุบันเพิ่มขึ้น 6 เท่าเมื่อเทียบกับเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และเยอรมนีได้ผ่อนปรนกฎเกณฑ์การกู้ยืมที่เข้มงวดเพื่อให้สามารถกู้เงินพันล้านยูโรสำหรับจัดหาอุปกรณ์ทางทหาร

เยอรมนีมุ่งสร้างกองทัพที่แกร่งที่สุดในยุโรป

รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี บอริส พิสตอริอุส กล่าวในพิธีเปิดว่า ยุโรปไม่สามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านความมั่นคงได้หากไม่พัฒนาฐานอุตสาหกรรมเพื่อแปลงคำมั่นสัญญาด้านงบประมาณให้เป็นขีดความสามารถที่ชัดเจน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไรน์เมทัล อาร์มิน แพ็ปเปอร์เกอร์ กล่าวชื่นชมความพยายามของพิสตอริอุส โดยระบุว่า การที่นักการเมืองให้ความสำคัญกับการป้องกันประเทศมากขึ้นช่วยให้โรงงานแห่งนี้สร้างเสร็จภายใน 14 เดือน แทนที่จะใช้เวลา 2-3 ปีตามปกติ

โรงงานแห่งนี้จะช่วยตอบสนองคำสั่งซื้อยุทโธปกรณ์ที่สร้างสถิติใหม่มูลค่า 8.5 พันล้านยูโร หรือ 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่รัฐบาลเยอรมันสั่งซื้อในเดือนกรกฎาคม 2024 นายกรัฐมนตรี ฟรีดริช เมิร์ซ ได้ให้คำมั่นว่าจะสร้างกองทัพแบบเดิมที่แกร่งที่สุด ของยุโรป โดยคาดการณ์ว่างบป้องกันประเทศจะเพิ่มเป็น 162 พันล้านยูโรในปี 2029 หรือมากกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับก่อนสงครามในยูเครน