สคส. เตือนสแกนม่านตา เสี่ยงละเมิดสิทธิ

20 ก.ย. 2568 - 08:52

  • ข้อมูลชีวมิติเป็น “ข้อมูลอ่อนไหว” ต้องโปร่งใส–ขอ consent ชัดเจน

  • พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลฯ ฝ่าฝืนปรับสูงสุด 5 ล้าน

  • สคส. ชี้เป็นเรื่องความมั่นคง–ไม่ใช่แค่ข้อมูลส่วนบุคคล

สคส. เตือนสแกนม่านตา เสี่ยงละเมิดสิทธิ

กระแสเทคโนโลยีสแกนม่านตาที่ถูกใช้เพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์ กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงทางสังคม เมื่อ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส. หรือ PDPC) ออกโรงเตือนให้บริษัทที่เกี่ยวข้องต้องชี้แจงอย่างโปร่งใส หลังพบความเสี่ยงว่า ข้อมูลชีวมิติ (Biometric Data) โดยเฉพาะม่านตา สามารถย้อนกลับไประบุตัวบุคคลได้จริง หากไม่มีการกำกับที่เข้มงวด อาจสร้างผลกระทบต่อทั้งสิทธิประชาชนและเสถียรภาพสังคม

พ.ต.อ. สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการ สคส. เปิดเผยว่า ข้อมูลม่านตาจัดเป็น ‘ข้อมูลอ่อนไหว’ ตามกฎหมาย ต้องได้รับ ความยินยอม (Consent) ที่ชัดเจน โปร่งใส และแจ้งวัตถุประสงค์ที่แท้จริง หากบริษัทไม่ได้แจ้งข้อเท็จจริงว่ามีโอกาสย้อนกลับไประบุตัวบุคคลได้ อาจถือเป็นการขอความยินยอมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตาม มาตรา 19 และมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งมีโทษปรับทางปกครองสูงสุดถึง 5 ล้านบาท

สคส. ยังตรวจพบข้อกังวลหลายประเด็น เช่น
• อ้างว่ามีการ “ลบทำลายข้อมูล” แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน
• พบการจ้างบุคคลมาสแกนม่านตาแลกเหรียญ เสี่ยงถูกนำไปใช้ในทางมิชอบ
• ขาดมาตรการสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่จริง เช่น ป้ายเตือนหรือเจ้าหน้าที่ควบคุม

เพื่อแก้ไขปัญหา บริษัทได้ชะลอการสแกนและแสดงหลักฐานว่าผู้ที่สแกนแล้วไม่สามารถสแกนซ้ำได้อีก แต่ สคส. ชี้ว่าประชาชนต้องรับรู้ข้อเท็จจริงว่า ข้อมูลม่านตายังสามารถระบุตัวตนได้โดยทางตรงหรือทางอ้อม

พ.ต.อ. สุรพงศ์ กล่าวย้ำว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ประเด็นกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล แต่เป็นความมั่นคงของสังคม” จึงต้องมี 2 หลักสำคัญ คือ ความโปร่งใสในการแจ้งวัตถุประสงค์ และการคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูลอย่างครบถ้วน พร้อมยืนยันว่า สคส. จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิประชาชนและการพัฒนาเทคโนโลยีของไทยในอนาคต

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์