PDPC ยืนยันใช้อำนาจลบข้อมูลม่านตาตามกฎหมาย

25 พ.ย. 2568 - 08:35

  • PDPC ยืนยันใช้อำนาจลบข้อมูลม่านตาตามกฎหมาย

  • ไม่กังวลหากมีการฟ้องศาลปกครองเนื่องจากมีการตรวจสอบละเอียดถึง 3 เดือน

  • แนะนำคนที่จะไปฟ้องเอาเวลาไปพัฒนาเทคโนโลยีจะดีกว่า

PDPC  ยืนยันใช้อำนาจลบข้อมูลม่านตาตามกฎหมาย

PDPC  ยืนยันใช้อำนาจลบข้อมูลม่านตาตามกฎหมาย

ไพบูลย์ อมรภิญโญเกีรียติ กรรมการผู้เชี่ยวชาญ กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กล่าวตอบข้อสงสัย กรณี  PDPC สั่งระงับและลบข้อมูลสแกนม่านตาWorldcoin ว่า กฎหมายให้อำนาจ PDPC 2 ส่วน คือ อำนาจในการปรับ และอำนาจในการสั่งระงับ หรืองดเว้น  กรณีนี้เป็นการระงับและลบข้อมูลส่วนบุคคล การดำเนินการใดที่ละเมิดสิทธิในข้อมูส่วนบุคคล เราจึงสั่งให้ระงับและลบข้อมูลตามสิทธิทางกฎหมาย กรณีนี้แม้ไม่มีผู้ร้องเรียนแต่เป็นความเสียหายในวงกว้าง หรือคาดว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง จึงใช้อำนาจทางปกครอง นอกจากนี้เราได้ตรวจสอบข้อกฎหมายในกรณีลักษณะเดียวกัน จาก ประเทศสเปน สหราชอาณาจักร แล้ว ได้มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน 

“World ID เป็นเทคโนโลยีที่ดี  ม่านตาเป็นข้อมูลอ่อนไหว จึงได้ขอความยินยอมเพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์ การขอความยินยอมได้ทำเพียงครั้งเดียว เมื่อขอความยินยอมแล้ว เมื่อเปลี่ยนข้อมูลสแกนม่านตาเป็นโค๊ต จึงถือว่า ไม่ใช่ข้อมูลแล้ว เป็นข้อมูลนิรนาม ในความเป็นจริง มันคือข้อมูลส่วนบุคคลที่แปลงสภาพไป ยังสามารถยืนยันความเป็นตัวตน จึงถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ”

ส่วนข้อกังวลว่า เมื่อมีคำสั่งให้ลบข้อมูลได้มีการลบจริงหรือไม่  ในเชิงกฎหมาย เมื่อมีคำสั่งระงับและลบ ถ้าไม่ลบ แล้วทราบภายหลังว่าไม่ลบจะมีโทษไม่ปฏิบัติตามคำสั่งมีโทษปรับ 5 แสนบาท หากนำข้อมูลไปใช้ จะมีโทษปรับอีกไม่เกิน 5  ล้านบาท กฎหมาย PDPA ยังกำหนดโทษทางอาญาอีกว่าหากมีการนำข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวไปใช้ในทางผิดกฎหมายมีโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 1 ปี ปรับ ไม่เกิน 1 ล้านบาท 

PDPC-confirms- power-delete-iris-data –accordance-law-SPACEBAR-Photo01.jpg

ในทางเทคนิค เมื่อสแกนม่านตาไปแล้ว ข้อมูลจะถูกเก็บในประเทศ ก่อนจะส่งไปต่างประเทศ ทางผู้ให้บริการอ้างว่ามีการนำข้อมูลไปเก็บใน 3 ประเทศ ในเชิงเทคนิค เมื่อแปลงจากข้อมูลม่านตาไปเป็น Iris Code รันอยู่บนแอพพลิเคชันไอดี เมื่อเป็นไอดี แล้วถูกส่งโดยช่องทางสื่อสารผ่านโอเปอเรเตอร์ จะมีข้อมูลทราฟิกว่าส่งผ่านไปยังโลเคชันอะไร เจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามว่าข้อมูลถูกส่งไปยังที่ไหน ไทยมีข้อตกลงที่สามารถตรวจสอบกับประเทศที่มีความร่วมมือในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ส่วนการลบข้อมูลม่านตา ในคำสั่งกรรมการเชี่ยวชาญกำหนดให้ส่งรายงานการลบข้อมูลหลังจากมีคำสั่งให้ลบหากอ้างว่าลบไม่ได้ก็จะถือเป็นความผิดที่ไม่ปฎิบัติตามคำสั่ง ส่วนการปรับ จะดูจากพฤติการณ์ หลังจากสั่งให้ลบข้อมูล ว่าได้ดำเนินการอย่างไร ผลจากการลบแล้วยังมีการหลีกเลี่ยงการกระทำความผิดซ้ำอีกหรือไม่ 

สำหรับผู้ที่จะร้องเรียน PDPC ต่อศาลปกครอง ส่วนนี้เราไม่กังวล เพราะข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมีการตรวจสอบแล้ว โดยเอาข้อเท็จจริงมาจากตัวแทนของเขาเอง จึงไม่กังวลการโต้แย้งทางเทคนิค กรรมการเป็นคนร่างกฎหมายนี้มาเองตั้งแต่แรก  จึงรู้และเข้าใจการตีความกฎหมายนี้ PDPC ใช้เวลาตรวจสอบ  2 เดือน กรรมการผู้เชี่ยวชาญ 1 เดือน  การฟ้องศาลปกครองเป็นสิทธิ์ของเขา  ฝากไปบอกด้วยว่าแทนที่จะไปฟ้องศาล ควรเอาเวลามรปรับปรุงเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์จะดีกว่า 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์