กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) รายงานผลการดำเนินงานปี 2568 ว่าฐานะการเงินของกองทุน “กลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน” หลังติดลบหนักต่อเนื่องจากวิกฤตราคาพลังงาน โดยล่าสุด (2 พ.ย. 2568) ฐานะติดลบเหลือเพียง 13,274 ล้านบาท จากเดิมที่เคยติดลบกว่า 99,000 ล้านบาท เมื่อปลายปีที่แล้ว ถือเป็น “ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี”
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สกนช. กล่าวว่า ปี 2568 คือจุดเปลี่ยนของกองทุนน้ำมันฯ ฐานะการเงินดีขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าจะกลับมาเป็นบวกได้ภายในสิ้นปีนี้ ถ้าราคาน้ำมันโลกยังนิ่งในระดับปัจจุบัน ปีนี้กองทุนเดินหน้านโยบาย Quick Big Win ของกระทรวงพลังงาน เพื่อดูแลค่าครองชีพและตรึงราคาพลังงานไม่ให้กระทบคนทั่วไป
มาตรการเด่นตลอดปี ได้แก่
ลดราคาน้ำมันช่วงสงกรานต์ ดีเซล–เบนซิน ลดรวม 1 บาท/ลิตร ช่วยลดภาระค่าเดินทาง
ตรึงดีเซลไม่เกิน 32 บาท/ลิตร*ช่วงสงครามอิสราเอล–อิหร่าน ด้วยการลดเก็บเงินกองทุนถึง 5 ครั้งในสัปดาห์เดียว
ชดเชยภาษีสรรพสามิตใหม่ เพื่อกันราคาน้ำมันไม่พุ่ง
ตรึงก๊าซ LPG ถังละ 423 บาท ต่อเนื่องถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้
เมื่อราคาน้ำมันโลกเริ่มนิ่ง ปี 2568 ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 70.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลงจากปีก่อนที่แตะเกือบ 80 ดอลลาร์ โดยแนวโน้มปี 2569 ยังอยู่ในช่วง “ราคานิ่งแต่ยังไม่ถูก” คาดเฉลี่ยราว 60–70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปัจจัยหลักที่กดราคาได้ คือเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ และกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ที่เพิ่มขึ้น ขณะความขัดแย้งในตะวันออกกลางเริ่มคลี่คลาย
ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ยังมีหนี้เงินกู้ประมาณ 31,804 ล้านบาท แต่แนวโน้มการชำระหนี้เป็นไปตามแผน และมีโอกาสปิดจบได้ ก่อนปี 2572 เรายึดหลักเปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และพร้อมดูแลราคาพลังงานให้เป็นธรรมต่อประชาชน
ปี 2568 คือปีแห่งการ “รีเทิร์น” ของกองทุนน้ำมันฯ ที่ไม่เพียงฟื้นตัวทางการเงิน แต่ยังเดินหน้าช่วยลดภาระค่าครองชีพให้คนไทย ภายใต้นโยบายพลังงานที่มุ่ง “ราคายั่งยืน ประชาชนอยู่ได้”


