Nium ร่วมกับ วีซ่านำร่องการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์
Nium ประกาศเข้าร่วมโครงการนำร่องของวีซ่า ในการการทดลองให้บริการชำระเงินผ่านวีซ่าด้วยสเตเบิลคอยน์ได้โดยตรง ผ่านระบบบล็อกเชน การนำสเตเบิลคอยน์มาใช้ เป็นการยกระดับการโอนเงินระหว่างประเทศ ทำให้การชำระเงินมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ปลอดภัย โดยสามารถตั้งโปรแกรมหรือกำหนดเงื่อนไขการชำระเงินล่วงหน้าได้ด้วย
การรับชำระด้วยสเตเบิลคอยน์ และเหรียญ USDC ที่ออกโดย Circle เป็นช่องทางการชำระเงินดิจิทัลกับวีซ่าที่สะดวกและรวดเร็ว เปลี่ยนจากการชำระเงินแบบเก่าที่ต้องรอประมวลผลเป็นรอบ มาเป็น การใช้สเตเบิลคอยน์บนบล็อกเชน ช่วยลดอุปสรรคและลดความล่าช้าในการชำระเงินข้ามพรมแดน อาทิ การงดให้บริการในช่วงสุดสัปดาห์ ความล่าช้าจากเขตเวลาที่ต่างกัน และขั้นตอนการกระทบยอดที่ใช้เวลานาน
อเล็กซ์ จอห์นสัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการชำระเงินของ Niumกล่าวว่า การใช้สเตเบิลคอยน์จะทำให้การจ่ายเงินของเราเร็วเทียบเท่าความเร็วอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่ความเร็วของระบบเดิมอีกต่อไป
นิชชินท์ สังฮาวี หัวหน้าฝ่ายสกุลเงินดิจิทัล วีซ่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า สเตเบิลคอยน์กำลังจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการโอนเงินในยุคปัจจุบัน โครงการนำร่องของเราถูกออกแบบมาเพื่อให้พาร์ทเนอร์มีศักยภาพในการทำธุรกรรมได้ตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้ก้าวทันโลกการค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ วีซ่ายินดีที่ได้ขยายความร่วมมือกับ Nium เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านี้เสริมแกร่งให้กับภาคธุรกิจในระบบนิเวศการเงินต่อไป"
Nium มีโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์อยู่แล้ว ทำให้การเข้าร่วมโครงการนำร่องครั้งนี้กับวีซ่าจะช่วยให้ลูกค้าและบริษัทฟินเทคต่าง ๆ สามารถเชื่อมต่อกับช่องทางการชำระเงินดิจิทัลที่รวดเร็วยิ่งขึ้นได้เลย โดยไม่ต้องสร้างระบบสเตเบิลคอยน์ของตัวเอง
ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากที่วีซ่า และ Nium ได้ทำงานร่วมกันมาหลายปีเพื่อพัฒนาระบบการชำระเงินระหว่างประเทศให้ทันสมัย สำหรับประเทศไทย โครงการนี้จะช่วยเร่งผลักดันให้ไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัลได้เร็วขึ้น ปลดล็อกการทำธุรกิจข้ามพรมแดนและการโอนเงินกลับประเทศ สามารถชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ที่ รวดเร็ว ไร้รอยต่อ และทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง


