สภาพัฒน์ เผย “ภาวะสังคมไทย ไตรมาส 3/68” จ้างงานสะดุด–หนี้ยังน่าห่วง แต่เศรษฐกิจสูงวัย–แรงงานคืนถิ่นเปิดโอกาสใหม่
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 3 ปี 2568 สะท้อนภาพรวม “สังคมไทยเปลี่ยนเร็ว” ทั้งตลาดแรงงานที่ซบเซา หนี้ครัวเรือนที่แม้ลดลงแต่หนี้เสียยังสูง ขณะที่ความปลอดภัย-ผู้บริโภคอยู่ในภาวะต้องจับตา แต่มีสัญญาณบวกจากเศรษฐกิจผู้สูงวัย และแนวโน้มแรงงานคืนถิ่นที่อาจกลายเป็นโอกาสสร้างเศรษฐกิจฐานรากรูปแบบใหม่
จ้างงานชะลอ - ภาคเกษตรถูกน้ำท่วมฉุด แต่ขนส่ง-โลจิสติกส์โตแรง
แรงงานไตรมาส 3/68 มีผู้มีงานทำ 39.9 ล้านคน ลดลง 0.5% จากปีก่อน ภาคเกษตรหดตัวหนัก 2.9% จากผลกระทบน้ำท่วม ขณะที่งานนอกภาคเกษตรโต 0.6% โดยเฉพาะภาคขนส่งและจัดเก็บสินค้าที่ขยายตัวถึง 4.9% สอดคล้องกับการเติบโตของอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์เมือง
อย่างไรก็ตาม ค่าจ้างโดยรวมลดลง 0.3% โดยแรงงานอิสระได้รับผลกระทบมากที่สุด ค่าจ้างหด 2.9% เสี่ยงกระทบต่อกำลังซื้อของครัวเรือน
แม้อัตราว่างงานลดลงเหลือ 0.76% หรือ 3.1 แสนคน แต่อัตราว่างงานในระบบประกันสังคมกลับเพิ่มเล็กน้อย ขณะที่จำนวน “ผู้เสมือนว่างงาน” พุ่ง 8.7% โดยเฉพาะในภาคเกษตร
สศช. แนะนำให้รัฐบาลเร่งควบคุมราคาสินค้าจำเป็น และเตรียมมาตรการเยียวยาเกษตรกรหลังน้ำท่วมเพื่อฟื้นฟูรายได้ในระยะสั้น
หนี้ครัวเรือนลดลงเล็กน้อย แต่ NPL พุ่งสูง ต้องเร่งช่วยลูกหนี้เสี่ยงถูกยึดบ้าน
หนี้ครัวเรือนไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 16.31 ล้านล้านบาท ลดลง 0.3% ส่งผลให้สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีลดลงเหลือ 86.8% แต่หนี้เสียส่วนบุคคล (NPL) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องแตะ 1.24 ล้านล้านบาท หรือ 9.11% ของสินเชื่อรวม สูงขึ้นในทุกประเภท
แม้สินเชื่อค้างชำระระยะสั้น (1–3 เดือน) ลดลงจากมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ แต่แนวโน้มการถูกยึดบ้านและขายทอดตลาดเพิ่มขึ้น ทำให้จำเป็นต้องเร่งกระบวนการไกล่เกลี่ย และสนับสนุนสินเชื่อฟื้นฟูสำหรับครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
สศช. ยังย้ำให้เร่งผลักดันโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” และขยายผลไปยังกลุ่ม Non-bank ที่ยังเข้าไม่ถึงมาตรการรัฐ
สุขภาพ: โรคเฝ้าระวังลด แต่ RSV พุ่งเกือบ 4 เท่า ต้องเตรียมรับมือโรคหลังน้ำท่วม
แม้การเจ็บป่วยจากโรคเฝ้าระวังในไตรมาสนี้ลดลง 3.06% แต่โรคไวรัส RSV กลับพบผู้ป่วยสะสมกว่า 32,923 ราย เพิ่มจากปีก่อนเกือบ 4 เท่า และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยเฉพาะในเด็กเล็ก
สศช. เตือนว่าอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่อาจทำให้เกิดโรคที่มากับน้ำ เช่น โรคผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ ตาแดง ฉี่หนู และท้องร่วง จึงจำเป็นต้องมีแผนปฏิบัติการเตรียมพร้อมภัยพิบัติประจำปี
พฤติกรรมเสี่ยง: การดื่มแอลกอฮอล์เพิ่ม แม้บุหรี่ลดลง
ค่าใช้จ่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 0.7% โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน แม้ค่าใช้จ่ายบุหรี่ลด 0.6% แต่ยังพบปัญหาการลักลอบบุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารอันตราย
นักวิชาการเตือนว่า “ไม่มีปริมาณการดื่มที่ปลอดภัย” และเยาวชนยังมีความเข้าใจผิดจึงต้องเร่งทำงานด้านทัศนคติ
ความปลอดภัยทรุด - ยาเสพติดพุ่ง คดีทรัพย์เพิ่ม
คดีอาญารวมเพิ่มขึ้น 13.4% จากปีก่อน โดยคดียาเสพติดและคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์เพิ่มขึ้น ขณะที่คดีชีวิตและเพศลดลง ด้านอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.4% โดยผู้บาดเจ็บมากขึ้น แม้ยอดเสียชีวิตลดลง
ภาครัฐถูกจับตาให้เร่งสกัดกั้นเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ ป้องกันไทยเป็นฐานคอลเซ็นเตอร์ และเร่งสร้างวินัยจราจรในกลุ่มเยาวชนผ่านโครงการใบขับขี่นักเรียน
ร้องเรียนผู้บริโภคพุ่ง 34% สินค้า-บริการ-โทรคมนาคมติดอันดับ
การร้องเรียนผู้บริโภคเพิ่มสูงทั้งด้านสินค้า-บริการ และด้านโทรคมนาคม โดยร้องเรียน กสทช. เพิ่มขึ้นเกือบ 45% ปัญหาที่พบมาก ได้แก่
• สินค้าออนไลน์/ไลฟ์สดไม่มี อย.
• คุณภาพบริการหลังการขายรถ EV
• กฎระเบียบในธุรกิจอีเวนต์-คอนเสิร์ต เช่น การคืนเงินและการใช้ “บอทกดบัตร”
สศช. เสนอให้เพิ่มการกำกับดูแลไลฟ์ขายสินค้า และพิจารณาออกกฎเข้มงวดกับธุรกิจคอนเสิร์ตเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค
Silver Economy: “โอกาสทอง” ของสังคมสูงวัย
ไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์ตั้งแต่ปี 2567 และจะเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอดในปี 2576 ทำให้ตลาดผู้สูงอายุมีศักยภาพสูง TDRI คาดมูลค่าการบริโภคผู้สูงอายุจะเพิ่มจาก 2.18 ล้านล้านบาท (ปี 66) เป็น 3.5 ล้านล้านบาท ในปี 76 โดยกว่า 67% เป็น “เศรษฐกิจใหม่” ที่ต่อยอดได้
ตัวอย่างธุรกิจเกิดใหม่ ได้แก่
• แกร็บวัยเก๋า ขับรถ–ส่งของ รายได้เสริมของผู้สูงอายุ
• บ้านตัดเล็บสุขภาพ โดยพยาบาลเกษียณ
• ทัวร์สูงวัยหัวใจฟรุ้งฟริ้ง เน้นเที่ยวปลอดภัยพร้อมทีมแพทย์
• House to Homestay เปลี่ยนบ้านผู้สูงวัยให้เป็นโฮมสเตย์สร้างรายได้
สคร. เสนอให้จัดทำ “ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสูงวัย” และตั้งหน่วยงานหลักขับเคลื่อน รวมถึงพัฒนาฐานข้อมูลสินค้า–บริการผู้สูงอายุทั่วประเทศ
แรงงานคืนถิ่น: ไม่ใช่แค่การกลับบ้าน แต่เป็นโอกาสเศรษฐกิจท้องถิ่น
ผลสำรวจแรงงานอายุ 20–35 ปี จำนวน 2,563 ตัวอย่าง พบว่า 60.5% ย้ายเข้าเมืองใหญ่เพราะงาน แต่มีเพียง 1 ใน 3 ที่มีแผนย้ายกลับภูมิลำเนา และส่วนใหญ่จะกลับเมื่อเกษียณหรือมีเงินเก็บพอ โดยอุปสรรคสำคัญ ได้แก่
• รายได้ในเมืองสูงกว่า
• ภาระครอบครัว เช่น บ้าน-ลูกเรียน
• ความผูกพันท้องถิ่นลดลง
อย่างไรก็ตาม การคืนถิ่นอาจกลายเป็นโอกาส หากมีงานคุณภาพในท้องถิ่น สภาพแวดล้อมเอื้อต่อผู้ประกอบการ และมีระบบสนับสนุนรายได้ เช่น สินเชื่อ-ทักษะดิจิทัล-ตลาดออนไลน์



