กรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา (กรุงศรีฯ) ให้มุมมองตลาดหุ้นไทยเดือนตุลาคม 2568 ว่าจะมีความผันผวนต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวานที่ตลาดปิดบวกได้ดี แต่วันนี้กลับมาปรับตัวลง โดยมีปัจจัยสำคัญหลายประการที่ตลาดจับตามอง
ปัจจัยต่างชาติ - สหรัฐฯ ยังเป็นตัวขับเคลื่อน
กรภัทร ระบุว่า ข้อมูลการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ เมื่อวานออกมาที่ 218,000 ราย ดีกว่าคาด แต่มีปัญหาการส่งข้อมูลจากรัฐนอร์ธแคโรไลนา ซึ่งอาจทำให้ตัวเลขสัปดาห์หน้าเพิ่มสูงขึ้น
"ภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐยังค่อยๆ ทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจสหรัฐจะเป็นลักษณะการทรงตัวถึงโตช้าลง" กรภัทร กล่าว
จุดสำคัญที่ต้องจับตาคือวันที่ 3 ตุลาคม ที่จะเปิดเผยอัตราการว่างงานของสหรัฐ หากตัวเลขสูงไปแตะระดับ 4.4-4.5% จะเป็นสัญญาณที่ Fed อาจลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 2 ครั้งในปีนี้
นโยบายการเงินไทย - คาดลดดอกเบี้ย 8 ต.ค.
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 8 ตุลาคม จะเป็นครั้งแรกของผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ 'วิทัย รัตนากร' โดยกรภัทร ประเมินว่ามีโอกาส 60-70% ที่ดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงอีกครั้ง
"การลดดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด แม้ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงบ้าง แต่จะช่วยกระตุ้นการลงทุนและการบริโภคในประเทศ" กรภัทร วิเคราะห์
สำหรับค่าเงินบาท คาดว่าจะอยู่ในโทนอ่อนค่าเล็กน้อย โดยระดับ 32.50-33.70 บาทต่อดอลลาร์ ถ้าไม่ผ่านจะยังคงแข็งค่าอยู่
หุ้นกลุ่มธนาคารยังเด่นแม้หมดเสน่ห์
กรภัทร ให้ความเห็นว่ากลุ่มธนาคารจะเป็นเซกเตอร์ที่น่าสนใจ แม้จะหมดเสน่ห์ระยะสั้นจากการจ่ายปันผลแล้ว และดอกเบี้ยลง แต่เมื่อดอกเบี้ยเข้าสู่ปลายไซเคิล กลุ่มธนาคารจะได้ประโยชน์จากกระแสเงินทุนต่างชาติ
เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า กระแสเงินทุนจะไหลเข้าเอเชีย และหนึ่งในเซกเตอร์ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือกลุ่มแบงก์กิ้ง
— กรภัทร วรเชษฐ์
นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นโอกาสในกลุ่ม:
- ค้าปลีก จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น คนละครึ่ง ที่อาจมาปลายตุลาคม
- ท่องเที่ยว จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
- ปิโตรเคมี-พลังงาน จากปัจจัยบวกจากจีน
กรอบการเคลื่อนไหว SET Index
กรภัทร ให้กรอบการลงทุนสำหรับตลาดหุ้นไทยในเดือนตุลาคมดังนี้:
- แนวต้าน : 1,330-1,350 จุด
- แนวรับ : 1,245 จุด
"ตลาดหุ้นไทยอยู่ในเวลูเอชั่นที่ถูก P/E อยู่ที่ประมาณ 14 เท่าต้นๆ ราคายังอยู่ในโซนที่ถูกมาก แต่ไดรเวอร์ที่จะทำให้วิ่งเร็วคือต้องมาจากภาพเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น"
เตือนภัย SET50 Index Rebalance
วันนี้ตลาดจะได้รับผลกระทบจาก SET50 Index Rebalance โดยมี Delta หุ้นใหญ่หลายตัวถูกตัดออก ขณะที่หุ้นใหม่เข้ามา ทำให้มีการเคลื่อนไหวของกระแสเงินค่อนข้างมาก
หุ้นที่คาดว่าจะมีเงินเข้าประมาณ 300 ล้านบาทต่อตัว ได้แก่ PTT, ADVANC, GULF,AOT ส่วนหุ้นอื่นๆ เช่น CPALL, SCB, KBANK, TRUE,PTTEP คาดว่าจะมีเงินเข้าประมาณ 200-250 ล้านบาท
สรุป
ตลาดหุ้นไทยเดือนตุลาคมยังคงผันผวน รอดูปัจจัยสำคัญทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการประชุม กนง. วันที่ 8 ตุลาคม และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ วันที่ 3 ตุลาคม ที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการลงทุนในช่วงข้างหน้า
นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบระมัดระวัง มองหาโอกาสการสะสมในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในช่วงที่ตลาดปรับฐาน