สทนช. ระบายน้ำยังไง รับมือพายุ 7 ลูก

7 พ.ย. 2568 - 08:09

  • สทนช. มั่นใจรับมือพายุ อธิบายการบริหารจัดการน้ำรับมือพายุ 7 ลูก

สทนช. ระบายน้ำยังไง รับมือพายุ 7 ลูก

สทนช. ระบายน้ำยังไง รับมือพายุ 7 ลูก มาแล้ว

ท่ามกลางความกังวล น้ำท่วม จากพายุที่เกิดขึ้นแลมีอิทธิพลกับประเทศไทน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) อธิบายว่า ปี 2568 ประเทศไทยจะมีฝนมากกว่าค่าเฉลี่ย และคาดว่าจะได้รับอิทธิพลจากพายุหมุนเขตร้อนถึง 7 ลูก ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำหลากและน้ำท่วมในหลายพื้นที่

นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน ต้องคำนึงถึงทั้งการป้องกันน้ำท่วมและการเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงร่วมกันวางแผนระบายน้ำจากเขื่อนขนาดใหญ่ให้สมดุล และปรับแผนตามสถานการณ์ฝนอย่างต่อเนื่อง  

ปีนี้ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประเมินว่า เขื่อนขนาดใหญ่ 15 แห่ง มีความเสี่ยงน้ำเต็มความจุ จึงวางเป้าหมายให้ปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ที่ราว 80% ของความจุเก็บกัก ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 เพื่อเตรียมพื้นที่รองรับน้ำฝนช่วงพายุเข้า

ตัวอย่างเช่น เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ได้เริ่มทยอยระบายน้ำตั้งแต่ต้นปี โดยเขื่อนภูมิพลระบายไปแล้วกว่า 5,369 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ระบายไปกว่า 7,608 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้มีพื้นที่รองรับน้ำจากพายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ปีนี้จะมีพายุถึง 7 ลูกก็ตาม

สำหรับสถานการณ์พายุ “คัลแมกี” ที่ส่งผลขณะนี้ สทนช. ได้ปรับแผนระบายน้ำเขื่อนภูมิพลแบบขั้นบันได จากเดิม 15 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เป็นสูงสุดไม่เกิน 60 ล้านลูกบาศก์เมตร หากมีฝนตกหนัก โดยปัจจุบันอยู่ที่ 40–45 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งผ่านการประเมินผลกระทบแล้วอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ ยืนยันว่าการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลจะไม่ทำให้ระดับน้ำในเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น เพราะต้องใช้เวลาราว 8 วันจึงจะไหลถึง  

ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ยังคงมีพื้นที่กักเก็บน้ำเพียงพอ จึงคงอัตราการระบายน้ำไว้ที่ 9.91 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพื่อช่วยลดผลกระทบพื้นที่ท้ายน้ำ และระบายน้ำออกจากทุ่งบางระกำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สทนช. ยืนยันว่า ทุกเขื่อนทั่วประเทศมีการบริหารจัดการอย่างบูรณาการและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกพื้นที่ผ่านพ้นฤดูฝนปีนี้ไปได้อย่างปลอดภัยและกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว  

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์