GULF โชว์กำไรทะลุ 7.2 พันล.! ธุรกิจพลังงาน-AIS ดันรายได้แรง

6 พ.ย. 2568 - 11:51

  • GULF รายงานกำไรไตรมาส 3/2568 พุ่งทำสถิติใหม่!

  • Core Profit แตะ 7,280 ล้านบาท

  • แรงหนุนจากโรงไฟฟ้า-AIS โตต่อเนื่อง

GULF โชว์กำไรทะลุ 7.2 พันล.! ธุรกิจพลังงาน-AIS ดันรายได้แรง

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 ด้วยสถิติใหม่ที่น่าจับตา โดยทำ กำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อนหน้า แรงขับเคลื่อนหลักมาจากธุรกิจพลังงานที่แข็งแกร่ง และส่วนแบ่งกำไรจาก AIS ที่เติบโตอย่างโดดเด่น

แม้ว่ารายได้รวมจะลดลง 26% อยู่ที่ 30,177 ล้านบาท สาเหตุหลักจากปัจจัยฤดูกาลของการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. (IPP) และราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง แต่การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพส่งผลให้ EBITDA เพิ่มขึ้น 2% เป็น 13,641 ล้านบาท

ปัจจัยหลักหนุนกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์

• ธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โครงการ GSRC มีกำไรดีขึ้นหลังผ่านช่วงซ่อมบำรุงใหญ่ ขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP (GJP) มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น จากการที่ราคาก๊าซธรรมชาติลดลงในอัตราที่สูงกว่าค่า Ft

• Jackson Generation (สหรัฐฯ) กำไรพุ่ง 316% (557 ล้านบาท) จากการรับรู้รายได้ค่า Capacity Payment เต็มไตรมาส ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก $29 เป็น $270 ต่อเมกะวัตต์ต่อวัน ตอบรับความต้องการไฟฟ้าที่สูงขึ้นในตลาด PJM

• พลังงานลม รับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งโครงการในไทย (GGC) และเยอรมนี (BKR2) จาก ความเร็วลมเฉลี่ยที่สูงขึ้น

• ส่วนแบ่งกำไรจาก AIS เติบโต 10% เป็น 3,829 ล้านบาท จากผลประกอบการที่ดีขึ้นของ AIS ทั้งในด้านการเพิ่มขึ้นของ ARPU และการบริหารจัดการต้นทุนคลื่นความถี่และค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคอย่างมีประสิทธิภาพ

Q4/68 ลุ้นเติบโตต่อเนื่อง และแผนยุทธศาสตร์ปี 2569

ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน เปิดเผยถึงแนวโน้มในไตรมาสสุดท้ายและแผนระยะยาวของบริษัทฯ ว่า "ในไตรมาส 4/2568 บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farms) ภายในประเทศ 7 โครงการ กำลังการผลิตรวม 597 เมกะวัตต์ จะเริ่ม เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2568 นอกจากนี้ ไตรมาส 4 ยังเป็นช่วง High Season ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการให้ดีขึ้น"

โฟกัสการเติบโตในปี 2569

ยุพาพิน ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมของปี 2569 ว่า “ผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นอีกจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ภายในประเทศเพิ่มเติมอีก 6 โครงการ (623 เมกะวัตต์) รวมถึงการเปิดดำเนินการของโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน CM WTE ในเดือนพฤษภาคม 2569”

ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญอื่นๆ ในปี 2569

• Jackson Generation (สหรัฐฯ) คาดการณ์ค่า Capacity Payment จะปรับเพิ่มขึ้นอีกช่วงกลางปี 2569 จาก $270 เป็น $329 ต่อเมกะวัตต์ต่อวัน จากความต้องการใช้ไฟฟ้าของ Data Center ที่เพิ่มขึ้น

• ธุรกิจ LNG วางแผนขยายการนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นเป็น 4-5 ล้านตัน เพื่อรองรับโรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทฯ และใช้กลยุทธ์ LNG optimization เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม

• ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน โครงการทางหลวงพิเศษ M6 (บางปะอิน-นครราชสีมา) มีกำหนดเปิดดำเนินการช่วงไตรมาส 3/2569

• ธุรกิจดิจิทัล รับรู้ผลการดำเนินงาน เต็มปีของ Data Center โครงการ GSA01 และคาดการณ์ส่วนแบ่งกำไรจาก AIS ที่เพิ่มขึ้นตามผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

วิสัยทัศน์ระยะยาว - มุ่งสู่ศูนย์กลางดิจิทัลและพลังงานสะอาด

GULF ยืนยันการมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว โดยเฉพาะการขยายการลงทุนใน ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ทั้ง Solar, Wind, Hydro และ Waste ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนมากกว่า 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมดที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (ประมาณ 9,000 เมกะวัตต์)

นอกจากนี้ การเติบโตของ ธุรกิจ Data Center และ Cloud ผ่านการร่วมทุนกับพันธมิตรระดับโลก เช่น Singtel, AIS, Oracle Alloy, Google และ Microsoft ตอกย้ำความพร้อมของ GULF ในการเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็น ศูนย์กลางทางด้านดิจิทัลของภูมิภาค

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์