สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดงานสัมมนาวิชาการประจำปี FTI Outlook 2026 ภายใต้หัวข้อ “DECODING THAILAND’S INDUSTRY FOR THE UPCOMING FUTURE ถอดรหัสอุตสาหกรรมไทย อ่านเกมอนาคต” เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกและฉากทัศน์เศรษฐกิจ-อุตสาหกรรมไทยปี 2569 โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ นักเศรษฐศาสตร์ และผู้นำภาคธุรกิจ ร่วมถอดรหัสปัจจัยเสี่ยงและโอกาส พร้อมประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและไทย รวมถึงทิศทางอุตสาหกรรมรายสาขา เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนธุรกิจและเตรียมความพร้อมรับมือความท้าทายในอนาคต
งานจัดขึ้นที่ ห้อง Auditorium อาคาร 3 ชั้น 2 ปตท. สำนักงานใหญ่ โดยได้รับเกียรติจาก ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษเรื่อง “Policy Vision for Thailand’s Economic Transformation นโยบายใหม่สู่การพลิกโฉมเศรษฐกิจไทย”
ดร.เอกนิติ ระบุว่า เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งสังคมสูงวัย แรงงานขาดแคลน ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และคอขวดเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน ทำให้ไทยไม่สามารถพึ่งการเติบโตแบบเดิมได้อีกต่อไป รัฐบาลจึงเดินสองแนวทางคู่กัน คือ ประคองเศรษฐกิจระยะสั้น ด้วยมาตรการเฉพาะหน้า เช่น คนละครึ่งพลัส และเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและหมุนเวียนเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกับ วางรากฐานระยะยาว ผ่านการปฏิรูประบบเศรษฐกิจเชิงโครงสร้าง

การลงทุนถือเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตระยะยาว รัฐบาลผลักดัน BOI FastPass และ PPP Fast Track เพื่อแก้ปัญหาคอขวดด้านการลงทุน มูลค่ากว่า 4.7 แสนล้านบาท และยกระดับคุณภาพแรงงานด้วยการพัฒนาทักษะแบบ Demand Driven ครอบคลุมอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์ พลังงานสะอาด และเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมผลักดัน TH-AI Passport เพื่อยกระดับความสามารถด้าน AI
ด้าน SMEs ซึ่งเป็นฐานรากสำคัญของเศรษฐกิจไทย ก็ได้รับมาตรการสนับสนุนตั้งแต่เงินทุน ระบบสินเชื่อเชิงซัพพลายเชน ไปจนถึงการพัฒนาทักษะผู้ประกอบการให้เข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้จริง โดยเฉพาะร้านค้าคนละครึ่งพลัสกว่า 400,000 ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Upskill ระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน – 19 ธันวาคม 2568
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. ระบุว่า เศรษฐกิจโลกยังเผชิญความผันผวน ทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สงครามการค้า และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ GDP โลกปี 2569 คาดขยายตัวเพียง 3.1% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ขณะที่ไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงเชิงโครงสร้าง ทั้งต้นทุนการผลิตสูง หนี้ครัวเรือน และแรงกดดันจากค่าเงินบาท

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่า GDP ไทยปี 2568 จะขยายตัวในกรอบ 1.8–2.2% แม้การส่งออกโต 9.5–10.5% แต่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มี local content ต่ำ การนำเข้าขยายตัวสูงถึง 10.2% ทำให้การเติบโตจำกัด อย่างไรก็ตามนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาลจะเป็นแรงสนับสนุนให้ GDP ปีนี้และปีหน้าเพิ่มขึ้น
การจัดงาน FTI Outlook 2026 ถือเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยให้ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าใจ ทิศทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยปี 2569 พร้อมถอดรหัสปัจจัยเสี่ยง โอกาส และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ช่วยให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนวางแผนเชิงกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ ปีนี้ยังครบรอบ 22 ปีของ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) ที่ทำหน้าที่เป็น “เข็มทิศ” เศรษฐกิจไทย สะท้อนภาวะภาคการผลิตอย่างต่อเนื่อง ส.อ.ท. จึงมุ่งใช้เวที FTI Outlook 2026 เป็นพลังสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนปรับตัว เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ ความยั่งยืนและความสามารถแข่งขันสูง ในอนาคต



