สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วย ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานฯ และประธานสายงานเศรษฐกิจและวิชาการ ส.อ.ท. อภิชิต ประสพรัตน์ นาวา จันทนสุรคน รองประธาน ส.อ.ท. และพรรรัตน์ เพชรภักดี ผู้อำนวยการใหญ่ ส.อ.ท. ร่วมเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม 2568อยู่ที่ 86.6 ลดลงจาก 87.7 ในเดือนก่อนหน้า
สะท้อนความกังวลของผู้ประกอบการต่อสถานการณ์เศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน โดยเฉพาะ ข้อพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชา ที่กระทบการค้าชายแดน มูลค่าลดลงกว่า 32% เมื่อเทียบเดือนก่อน รวมถึงผลกระทบจาก อุทกภัยภาคเหนือ และมาตรการจัดเก็บ ภาษี Reciprocal Tariff 36% ซึ่งกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออก
จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,356 ราย ครอบคลุม 47 กลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า ความกังวลสำคัญยังอยู่ที่ เศรษฐกิจในประเทศ (70.1%) และ เศรษฐกิจโลก (66.7%) ขณะที่ปัจจัยนโยบายภาครัฐ การแกว่งตัวของค่าเงินบาท ราคาพลังงาน และดอกเบี้ยเงินกู้ ยังคงเป็นแรงกดดันต่อภาคธุรกิจ

สำหรับดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 89.2 ลดลงจาก 90.8 ในเดือนมิถุนายน สะท้อนความไม่แน่นอนจากการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ และความยืดเยื้อของข้อพิพาทชายแดนที่ยังฉุดบรรยากาศการลงทุน
อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยบวกที่ช่วยประคับประคองความเชื่อมั่น เช่น โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” การลงทุนในครึ่งปีแรกที่เพิ่มขึ้นกว่า 138% จากปีก่อน การตรึงค่าไฟฟ้า 3.94 บาทต่อหน่วย มาตรการส่งเสริม Solar Rooftop และมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายที่เริ่มตุลาคมนี้ ซึ่งเอกชนเห็นว่าเป็นแรงหนุนกำลังซื้อและช่วยลดต้นทุนธุรกิจ
ส.อ.ท. จึงเสนอให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการชายแดน สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้า และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ เพื่อลดความเสี่ยงภัยพิบัติ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเงื่อนไขสำคัญในการฟื้นความเชื่อมั่นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินต่อ

