เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยความคืบหน้ากรณีมาตรการระงับธุรกรรมบัญชีต้องสงสัย (บัญชีม้า) ว่า แม้มาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อประชาชนบางส่วน แต่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในระบบการเงินระยะยาว
ย้ำระบบการเงินไทยยังมีเสถียรภาพ
ผู้ว่าฯ ระบุว่า แม้มีประชาชนจำนวนหนึ่งถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในบางสาขาที่มีปริมาณการถอนเงินสดสูงกว่าปกติ แต่ สถาบันการเงินโดยรวมยังมีสภาพคล่องเพียงพอ และไม่มีปัญหาเรื่องเงินฝาก พร้อมยืนยันว่า สถานการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ “Bank Run” ตามความหมายทางเศรษฐศาสตร์
“ธนาคารพาณิชย์มีการสำรองเงินสดไว้เพียงพอ และสามารถบริหารจัดการการกระจายเงินในแต่ละสาขาได้อย่างเหมาะสม ไม่ได้เกิดความตื่นตระหนกในระบบ”
เข้าใจผู้ได้รับผลกระทบ แต่ย้ำความจำเป็น
ธปท. ยอมรับว่า มาตรการระงับบัญชีม้าอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้สุจริต โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพอิสระและพ่อค้าแม่ค้าที่จำเป็นต้องหมุนเวียนเงินผ่านบัญชีอยู่ตลอดเวลา แต่หากไม่ดำเนินการ มิจฉาชีพจะสามารถใช้ช่องโหว่ในระบบการเงินเพื่อก่ออาชญากรรมต่อเนื่อง และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง
“มิจฉาชีพในปัจจุบันมีบทบาทมากขึ้นในระบบเศรษฐกิจ ทั้งการหลอกลวงออนไลน์ การโอนเงินผ่านบัญชีบุคคลที่สาม ซึ่งหากปล่อยไว้ จะกระทบต่อความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมทางการเงินในภาพรวม และฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ”
ธปท. ปรับกระบวนการให้เร็วขึ้น – ลดผลกระทบรายย่อย
เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ ธปท. ได้ปรับปรุงขั้นตอนการขอปลดล็อกธุรกรรมให้รวดเร็วขึ้น โดยในปัจจุบันสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 4 ชั่วโมง หรือช้าสุดไม่เกิน 1 วัน
ปัญหาความมั่นคง – เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจมหภาค
ผู้ว่าการ ธปท. ยังสะท้อนภาพรวมว่า ความไม่ปลอดภัยในระบบดิจิทัล รวมถึงปัญหามิจฉาชีพในระบบการเงิน อาจส่งผลกระทบต่อ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะในภาคการค้า การท่องเที่ยว และการบริโภคภาคครัวเรือน
“มีคนบ่นว่าเศรษฐกิจไม่ฟื้น นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากจีนไม่มา รายได้ลดลง สาเหตุส่วนหนึ่งคือความไม่มั่นใจในระบบความปลอดภัย หากไม่เร่งจัดการกับอาชญากรรมทางการเงิน จะยิ่งซ้ำเติมภาคเศรษฐกิจที่กำลังเปราะบาง”