กระดานบริหารดุสิตธานี พลิกหมากใหญ่! บอร์ดมีมติแต่งตั้ง ‘ชนินทธ์ โทณวณิก’ รักษาการประธานกรรมการ ควบตำแหน่ง กรุ๊ปซีอีโอ หลัง ‘ศุภจี สุธรรมพันธุ์’ ขอลาออกก่อนครบวาระ เพื่อไปรับภารกิจใหม่ในฐานะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้รัฐบาล ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’
การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ ‘ดุสิตธานี’ ยืนยันไม่กระทบธุรกิจหลัก ทั้งโรงแรม การศึกษา อาหาร และอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการ Dusit Central Park มูลค่า 46,000 ล้านบาท ที่ยังคงเดินหน้าตามแผนเดิม
โดย ‘ชนินทธ์’ ประกาศชัด ฐานรากที่ศุภจีวางไว้ตลอดเกือบ 10 ปี ทำให้กลุ่มมั่นคง แข็งแกร่ง พร้อมก้าวสู่บริบทใหม่ของธุรกิจโลก

‘ชนินทธ์’ ยังยกย่องการตัดสินใจของศุภจีว่าเป็น “ภารกิจอันทรงเกียรติ” เพื่อประโยชน์ประเทศ พร้อมเปิดประตูรอต้อนรับกลับบ้านเสมอ ส่วน ‘ศุภจี’ กล่าวทิ้งท้ายว่า ดุสิตธานีจะยังคงยืนหยัดและเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ บนรากฐานที่ทีมงานร่วมกันสร้างไว้ และวันนี้เป็นเวลาที่เธอเลือก “อุทิศตนเพื่อชาติ”
“การที่คุณศุภจีได้รับโอกาสอันสำคัญนี้ ซึ่งจะเป็นการอุทิศตนเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติในช่วงรอยต่อที่สำคัญของบ้านเมือง บริษัทขอขอบคุณคุณศุภจีสำหรับความทุ่มเท ความเป็นผู้นำ และวิสัยทัศน์ที่ได้หล่อหลอมองค์กรตลอดที่ผ่านมา จนภารกิจในการวางรากฐานให้กลุ่มดุสิตธานีพร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สามารถสำเร็จลุล่วงด้วยดี ในขณะที่ภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเวลานี้ต้องการผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อน ซึ่งนับเป็นเรื่องเร่งด่วน ภายใต้เงื่อนเวลาที่จำกัด กลุ่มดุสิตธานีจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณศุภจีจะได้ใช้ความรู้ความสามารถทำงานรับใช้ชาติและประชาชน ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และหากภารกิจของชาติเสร็จสิ้นเป็นเรียบร้อย กลุ่มดุสิตธานีก็พร้อมจะต้อนรับคุณศุภจีกลับมา”
— ชนินทธ์ กล่าว

การกลับมาของชนินทธ์ ในฐานะซีอีโอ ควบตำแหน่งประธานกรรมการครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนพลัง ‘ดุสิตธานี’ ที่พร้อมยืนมั่นท่ามกลางการเปลี่ยนผ่าน แต่ยังตอกย้ำบทบาทแบรนด์ไทยระดับโลก ที่กำลังเดินหน้าภายใต้ภาวะเศรษฐกิจ-การเมืองซึ่งกำลังร้อนแรง

ด้าน ‘ศุภจี’ กล่าวขอบคุณ ซีอีโอ-ชนินทธ์ ที่ให้โอกาสและมอบหมายให้ทำภารกิจสำคัญจนลุล่วง รวมถึงยินดีและเต็มใจที่ได้ให้ตัวเองมีโอกาสใช้ความรู้ความสามารถในการรับใช้ประเทศชาติและประชาชน เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ดุสิตธานีจะสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งในฐานะแบรนด์ไทยในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน
ทั้งสองตอกย้ำ การดำเนินงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้ จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากแผนงานเดิมที่ได้ถูกวางรากฐานไว้อย่างมั่นคงตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา
