DeepSPACE การประกวด Miss Universe หรือ นางงามจักรวาลครั้งที่ 74 เดินทางไปถึงรอบสุดท้ายเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี การประกวดคราวนี้ นับเป็นครั้งที่ 4 ที่ประเทศไทยได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพในการจัดประกวด แต่ต้องยอมรับว่าการจัดการประกวดที่เพิ่งปิดฉากลงไป เป็นอีกปีหนึ่งที่ ‘วุ่นวาย’ และถูก‘วิพากษ์วิจารณ์’มากที่สุดในสายตาของบรรดาติ่งนางงามทั้งในไทยและทั่วโลก ติดตามใน Deep SPACE.ลึกกว่าที่รู้
ไม่เพียงในเรื่องของการจัดการประกวดที่มีปัญหาตั้งแต่วันแรกจนถึงรอบสุดท้าย ชนิดแทบเอาตัวไม่รอด ระหว่าง‘ผู้จัด’การประกวด Miss Grand International-MGI ของ ‘บอส’ ณวัฒน์ อิศรไกรศรี กับ องค์กรนางงามจักรวาล Miss Universe Organization- MUO ที่ดูเหมือนจะถูกกำหนดและ‘ครอบงำ’ของ ราอูล โรชา มหาเศรษฐีชาวเม็กซิกัน เจ้าของอาณาจักร Legacy Holding Group
ในขณะที่ ‘แอน’ จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ผู้ถือลิขสิทธิ์ MUO ที่ควรจะเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดกลับหายเข้าไปใน ‘หลุมดำ’ ดูราวกับไร้ตัวตน ไม่มีปากมีเสียงออกมาช่วย ‘บอส’ ณวัฒน์ กลับฝังตัวเงียบอยู่ที่เม็กซิโก ไม่แม้แต่จะเดินทางกลับมา‘ปราฏตัว’ในงานประกวด หรือส่งข้อความหรือเสียงผ่านโซเชียลมีเดียเหมือนที่เคยชอบทำมาในอดีต
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด คนในแวดวงนางงามต่างวิจารณ์กันสนั่นโซเชียล โดยเชื่อกันว่ามีการ ‘ล็อก’ มงกุฎไว้ให้กับ มิสยูนิเวิร์ส ชาวเม็กซิกัน ‘ฟาติมา บอสซ์’ ที่เอาชนะ มิสยูนิเวิร์สของไทย ‘วีนา’ ปวีนา ซิงห์ ไปได้ชนิดค้านสายตาบรรดาติ่งนางงามจากทั่วโลกแบบสุดๆ
โดยถูกตอกกย้ำความเชื่อนี้ เมื่อมีการออกมา ‘แฉ’ ของกรรมการบางคนอย่าง ‘โอมาร์ ฮาร์ฟูซ’ ที่ถอนตัวออกไปก่อนรอบตัดสินไม่ถึง 24 ชั่วโมงโดยระบุว่า มิสเม็กซิกันจะชนะ เนื่องจากพ่อของ ฟาติมา บอสซ์ มี‘ธุรกิจร่วมกัน’กับ ราอูล โรชา ที่เม็กซิโก
บทสรุปจากการประกวดมิสยูนิเวิร์สในไทยในคราวนี้ จึงมีแต่เรื่องน่า‘อัปยศ’ ที่เต็มไปด้วยเรื่องที่ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียง และไม่ได้มีส่วนช่วยในเรื่องของการนำ Soft Power ที่เป็นจุดขายของไทยให้เผยแพร่ไปสู่สายตาชาวโลก
ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว ประเพณีและวัฒนธรรมที่น่าส่งเสริม ผ่านกิจกรรมต่างของบรรดาสาวงามกว่า 120 ประเทศแล้ว เพราะกลับมีแต่ข่าวอื้อฉาว จนทำให้การประกวดครั้งนี้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็น ‘จักรวาลสีเทา’ ซึ่งไม่เพียงทำลายภาพลักษณ์ของการจัดการประกวด แต่ยังทำลายชื่อเสียงของประเทศไทยไปด้วยอย่างน่าเศร้า
ถึงแม้ศึกการจัดประกวดจะจบลงไปแล้ว แต่นับจากนาทีนี้ไป ศึกจักรวาลในโลกธุรกิจ กำลังจะพลิกไปสู่บทต่อไป
ที่จะนำไปสู่การต่อสู้กันในเรื่องของกฎหมายและคดีความกระฉ่อนโลก โดยมีองค์กรนางงามจักวาล หรือ MUO เป็นเดิมพัน
เนื่องจากบรรดา‘กลุ่มเจ้าหนี้’ของ JKN กำลังจะเปิดศึกจักรวาล เพื่อช่วงชิงทรัพย์สินที่มีค่าชิ้นสุดท้ายของ JKN กลับมาจากการเล่นแร่แปรธาตุของ ‘แอน’ จักรพงษ์ ที่เชื่อกันว่ามีการผ่องถ่าย โอนหุ้นส่วนใหญ่ที่ JKN Global Group ถืออยู่ใน MUO ไปอยู่ในมือของ ราอูล โรชา จนหมดแล้ว
ความเชื่อนี้สังเกตได้จากความเคลื่อนไหวของ ‘บอส’ ณวัฒน์ แห่ง MGI ที่เพิ่ง ‘จูบปาก’ หวานชื่นไปกับ ‘แอน’ จักรพงษ์ ไปชนิดหักสายตาติ่งนางงาม จนได้ซื้อลิขสิทธิ์ Miss Universe Thailand ไปครองถึง 5 ปี และทำสัญญาสิทธิ์ First Right ต่ออีก 20 ปี เป็น 25 ปี ด้วยเงินกว่า 180 ล้านบาท พร้อมพ่วงเจ้าภาพหวานๆ อีกแมทช์ แถมยังออกมาประกาศเข้าจองซื้อหุ้นสามัญแบบเพิ่มทุนกับ JKN ต่ออีก 100 ล้านหุ้น กว่า 50 ล้านบาท
แต่ล่าสุด ยังไม่ทันที่หม้อจะก้นดำ ‘บอส’ ณวัฒน์ ก็ประกาศยกเลิกการจองซื้อหุ้นเรียบร้อยแล้ว เพื่อหนีจากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับ JKN อีกต่อไป ในฐานะผู้ถือหุ้น
มีกระแสข่าวที่สะพัด ‘หนาหู’ ว่า จนถึงนาทีนี้ ราอูล ได้เข้าไปครอบครองหุ้นของ MUO ทั้งหมดแล้ว โดยแอบดอดไปซื้อหุ้นที่เหลือในมือของ ‘แอน’ จักรพงษ์ อีกราว 58.19% ในชื่อของ Legacy Equity Group ซึ่งจดทะเบียนที่สิงคโปร์ และจะดึงพันธมิตรใหม่เข้ามา คือ ‘จานลูกา วาคคี่’ และ ‘อาเดรียนา ซิสเนรอส’ มหาเศรษฐี อิตาเลียน เจ้าของอาณาจักร SEA Societa Europea Autocaravan หรือธุรกิจให้บริการเกี่ยวกับรถบ้านเคลื่อนที่ ซึ่งว่ากันว่าธุรกิจของเขาถือเป็นรายใหญ่ในทวีปยุโรป และชอบโลดแล่นอยู่ในแวดวงของชนชั้นสูงในยุโรป โดยมีกระแสข่าวว่า เพื่อเปิดทางให้ MUO ย้ายสำนักงานใหญ่จากเม็กซิโกกลับไปยังสหรัฐฯ
ความเคลื่อนไหวทั้งหมด สร้างความ‘กังวล’ให้กับบรรดาเจ้าหนี้ของ JKN ที่มียอดหนี้สูงถึงกว่า 5.14 พันล้านบาท ที่เกรงว่าจะมีธุรกรรมที่ฉ้อฉลเพื่อ ‘ล้มบนฟูก’ ยักย้ายถ่ายเทหุ้นออกจาก JKN เพื่อขายทำกำไรและหนีไปตั้งหลักเสวยสุขอยู่ที่เม็กซิโกหนีความผิดตามกฎหมายไทย
กลุ่มเจ้าหนี้โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าหนี้หุ้นกู้เชื่อว่าในฐานะเจ้าหนี้ของบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN Global Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ JKN Legacy, Inc. ซึ่งเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ องค์กรนางงามจักรวาล หรือ MUO ยังอยู่ระหว่างกระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้การกำกับดูแลของศาลในประเทศไทย จึง‘ไม่มีสิทธิ์’ ดำเนินการใดๆ หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหนี้
ภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการ กฎหมายไทยได้กำหนดข้อจำกัดอย่างเข้มงวดต่อการบริหารจัดการของลูกหนี้ การทำธุรกรรมหรือข้อตกลงใด ๆ ที่อยู่นอกเหนือการดำเนินงานตามปกติและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ จะต้องได้รับอนุญาตตามขั้นตอนของกระบวนการฟื้นฟู ซึ่งจะทำให้ธุรกรรมหรือข้อตกลงใดๆที่มีขึ้นอาจถูกประกาศให้เป็นโมฆะ ใช้บังคับไม่ได้ หรือถูกโต้แย้งโดยเจ้าหนี้ในภายหลังได้
ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา การดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการของ JKN เป็นไปด้วยความยุ่งยาก โดยล่าสุด ศาลล้มละลายกลาง เพิ่งรับทราบรายงานผลการประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการฯ ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือลงวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมามีใจความสำคัญโดยสรุปว่า
‘ไม่มีเจ้าหนี้กลุ่มใดลงมติยอมรับแผนและที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติเลือกบริษัทแกรนท์ ธอนตัน สเปเชียลิสท์ แอ็ดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ GT เป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูรายใหม่’
และนัดฟังคำสั่งวันที่ 2 ธันวาคมนี้
ในที่ประชุมของกลุ่มเจ้าหนี้ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้มีมติให้แต่งตั้งบริษัท แกรนท์ ธอร์นตันฯ เป็นผู้ทำแผนรายใหม่ของบริษัท และเมื่อศาลมีคำสั่งอนุมัติ GT จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้มีอำนาจในการบริหารและดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการของ JKN ต่อไป โดยจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการเจ้าหนี้ขึ้น เพื่อทำงานร่วมกับ GT อย่างใกล้ชิดในการกำหนดทิศทาง ตรวจสอบความโปร่งใส และให้การกำกับดูแลในทุกขั้นตอนของกระบวนการฟื้นฟูกิจการ
เนื่องจาก Miss Universe (MU) ถือเป็นธุรกิจหลักเพียงธุรกิจเดียวที่เหลืออยู่ของ JKN ซึ่งถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 58.19% ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ เจ้าหนี้จึงเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในการร่วมมือกับ GT เพื่อแต่งตั้งทีมผู้บริหารมืออาชีพชุดใหม่ และวางระบบการกำกับดูแลกิจการที่เหมาะสม เพื่อรักษาและเสริมสร้างคุณค่าระยะยาวของแบรนด์ระดับโลกนี้
นอกจากนี้ยังมีการออกแถลงการณ์ของกลุ่มเจ้าหนี้ JKN เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กลต. และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลท. ดำเนินการประสานงานกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ เร่งให้ JKN ดำเนินการตรวจสอบพิเศษ Special Audit ให้เสร็จตามกำหนด
เนื่องจากมีข้อสังสัยว่าบริษัทมีเจตนาดึงเรื่อง เพื่อปกปิดกระบวนการตรวจสอบบัญชี และงบการเงิน รวมทั้งเร่งดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญาแก่ผู้กระทำผิด ที่ ก่อให้เกิดความเสียหาย โดยเฉพาะธุรกรรมการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน โดยเฉพาะหุ้นของ MUO โดยมิชอบ
กลุ่มเจ้าหนี้เชื่อว่า ควรมีการตรวจสอบเจ้าหนี้บางรายที่มีข้อสงสัยว่าอาจไม่ใช่เจ้าหนี้ที่แท้จริง แต่มีเจตนาสร้าง ‘เจ้าหนี้ปลอม’ เพื่อทำให้มีสิทธิ์โหวตแผนฟื้นฟูฯ ให้เป็นไปตามทิศทางของผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯที่ฝ่ายลูกหนี้คือ JKN เสนอ
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความเชื่อว่า อาจจะมีธุรกรรมโอนขายหุ้นของ JKN ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ MUO ในลักษณะย้อนหลังไปยังบริษัท Legacy Equity, Inc ในสิงคโปร์ ของ ราอูล โรชา โดยหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของ ก.ล.ต. ทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ในแผนปรับโครงสร้างหนี้ที่อยู่ภายใต้แผนฟื้นฟูฯ
นอกจากนี้กลุ่มเจ้าหนี้ยังพยายามเร่งรัดให้ ดีเอสไอ เร่งสรุปสำนวนเพื่อออกหมายจับ ‘แอน’ จักรพงษ์ เนื่องจากมีหลักฐานว่ามีการทำธุรกรรมที่เข้าข่ายฉ้อฉล ตบแต่งบัญชี เพื่อให้นักลงทุนสำคัญผิดในรายงานการดำเนินงานทางการเงิน จนทำให้เข้าไปลงทุนในการซื้อหุ้นกู้เป็นจำนวนหลายพันล้านบาท
นับตั้งแต่อาณาจักร JKN ของ แอน จักรพงษ์ หญิงข้ามเพศพันล้าน เริ่มมีปัญหาจากการลงทุนขยายกิจการจนเกินตัว โดยเฉพาะการตัดสินใจไปซื้อลิขสิทธิ์องค์กรนางงามจักรวาล MUO มาจาก IMG Worldwide ของสหรัฐฯ ทำให้ต้องก่อหนี้จำนวนมหาศาล จนทำให้จักรวาล JKN ของเธอก็ต้องล่มสลายลงด้วยระยะเวลาอันแสนสั้น
เทพนิยายของ หญิงข้ามเพศพันล้าน จึงมีแนวโน้มจะปิดฉากลงแบบน่าเศร้า ถึงแม้เธออาจจะ ‘ล้มบนฟูก’ หนีคดีความในไทย ไปอยู่ใต้ปีกของ ราอูล โรชา มหาเศรษฐีชาวเม็กซิกัน แต่บาดแผลและรอยน้ำตาที่เธอสร้างเอาไว้ให้กับบรรดาเจ้าหนี้ ทั้งผู้ถือหุ้น เจ้าหนี้หุ้นกู้ และพันธมิตรทางธุรกิจ
ก็คงทำให้โอกาสที่เธอจะกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยคงเหลือน้อยเต็มที ยกเว้นจะยอมก้มหน้ากลับมารับกรรมตามกฎหมาย แต่ความหวังแบบนั้นคงล่องลอยอยู่ในสายลม...


