ดีอีสั่งระงับ MOU เจ้าปัญหา ตั้งข้อสังเกตอาจโยงพนันออนไลน์
ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวนงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยลผลการตรวจสอบ MOU ที่กระทรวงดิจิทัลฯ ทำกับกองทุนสิงคโปร์ Prime Opportunity Fund VCC ว่า จาการตรวจสอบหลักฐานเอกสาร พบว่า MOU ที่ได้รับความสนใจ มีข้อสัญญาที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรไอที 500 คนที่ใช้ MOU ในการขอวีซ่าเข้ามาทำงานในประเทศไทย จึงได้สั่งการให้ยกเลิก MOU ไปเรียบร้อยแล้ว โดยให้เวียนเอกสารแจ้งไปยังทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยแจ้งว่าหากกระทรวงฯ ได้มีการกระทำการใดกับหน่วยงานใด ภายใต้ MOU นี้ขอให้แจ้งข้อมูลกลับมาที่ตน
“ตรวจสอบแล้วพบข้อพิรุธหลายอย่าง แต่ขอยังไม่ลงลึกในขณะนี้เพราะยังตรวจสอบหลักฐานยังไม่หมด เรื่องนี้เกิดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม 2567 ที่มีการทำ MOU กับ Prime Opportunity Fund VCC โดยเริ่มต้นจากเลขานุการรัฐมนตรีดิจิทัลฯในชณะนั้น ได้ส่งเอกสารไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เอกสารนี้ตรงกับที่เผยแพร่ในสื่อมวลชน มีเพียงรายละเอียดเดียวที่ต่างกันคือ ชื่อ ผู้ลงนามในแผ่นสุดท้ายที่ไม่ได้เขียนตำแหน่งไว้ แต่เป็นการใช้ตำแหน่งผู้บริหารของบริษัท CAI ”
นายไชยชนก กล่าวอีกว่า ในเวลานั้นได้มีการส่งเอกสารไปของความเห็นจาก กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานกฤษฎีกา และอัยการสูงสุด โดยมีการตอบกลับมาในวันที่ 26 มีนาคม มีความเห็นตรงกันว่า MOU อยู่ภายใต้กฎหมายไทย ไม่เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศ จึงไม่จำเป็นต้องนำเสนอเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
ต่อมาวันที่ 27 มีนาคม 2547 อัยการสูงสุด ตอบกลับมาาว่าควรปฎิบัติตามมติค.ร.ม.ที่เคยมีความเห็นเป็นแนวทางการดำเนินการลงนามเอกสารกับต่างประเทศ โดยยังได้แสดงความเห็นห่วงให้เจรจาปรับแก้ไขในส่วยที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาให้ประเทศไทยมีสิทธิด้วย จะเห็นว่าเรื่องนี้ใช้เวลาเพียง 3 วัน ในการลงนามเอกสาร โดยมีอดีตปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ เป็นผู้ลงนาม มีอดีตรัฐมนตรีดิจิทัลฯ เป็นสักขีพยาน
รายละเอียดของ MOU คือ ความร่วมมือ ในการทำ Thailand International Business and Finance Center หรือ TIBC เป็นการทำสนามทดลองทดสอง หรือ Sandbox ที่กำกับดูแลโดยกระทรวง Digital Economy Regulatory Sandbox หรือ DERS เมื่อตรวจสอบแล้วยังไม่กฎหมายหรือข้อตกลงร่วมกันในการทำงานในแซนบ็อกซ์
“สิ่งที่กังวลเป็นพิเศษคือมีการระบุถึงการทำ Sport Rating Online Gaming ที่เป็นเรื่องการพนันอยู่ในนั้น ไม่ใช่เรื่องถูกกฎหมาย แต่เมื่อจะทำแซนบ็อกซ์ ก็ควรส่งเรื่องให้กระทรวงหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิจารณาตรวจสอบ เมื่อสอบถามไปทางกระทรวงมหาดไทย ปรากฎว่าไม่พบว่ามีการส่งเรื่องนี้ไปที่กระทรวงมหาดไทย "
ต่อมามีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน MOU ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย และมีการส่งเอกสารโดย TIBC ขอขยายสาขาเป้าหมายเพิ่มเติม ในการนำร่อง คือ สัญญาซื้อขายที่กำหนดราคาเงินตราประเทศในอนาคต มีรูปแบบเป็นตราสารอนุพันธ์ หรือ Forex Future การซื้อขายสัญญาที่ไม่ต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินต้นฉบับ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องจะได้รับผลกำไรจากความแตกต่างของราคาเริ่มต้นและราคาปิด , สัญญาซื้อขายที่ไม่ถูกซื้อขายในตลาดที่ถูกเปิดเผยและมักจะทำการซื้อขายทางเครือข่ายหรือระหว่างประเทศ หรือ IOCT Derivative , การซื้อขายสัญญาที่กำหนดราคาของสินค้าหรือเงินตราโดยไม่มีการส่งมอบสินค้าจริง , การซื้อขายเงินตราต่างประเทศที่มีการชำระเงินในขณะที่ธุรกรรมเกิดขึ้น และสัญญาทางการเงินที่มีมูลค่าที่ได้มาจากสินค้าและทรัพย์สินอื่นโดยมีค่าเพิ่มเติมเชิงการเงินที่ได้รับจากการเปลี่ยนแปลงราคาของสินทรัพย์ในอนาคต จะเห็นว่ามีการดำเนินเปิดกว้างให้ครอบคลุมสาขาอื่น ไม่ได้มีการแก้ไข MOU ต่อมามีการติดต่อจากบริษัทที่ปรึกษาของ TIDC เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ และประสานเพื่อทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงดีอี NT และ TIDC เพื่อทำงานร่วมกันในการดึงดูดนักลงทุน
ในปี 2568 วันที่ 13 มกราคม 2568 มีเอกสารจาก TIDC ขอใบอนุญาตจาก ETDA เพื่อทำกิจการ World ID โดย ได้ตอบกลับไปว่าไม่เข้าเกณฑ์ และไม่อนุญาต จึงขออนุญาตมาที่ PDPC ขออนุญาตเก็บไอดี แต่ได้รับการปฎิเสธว่าไม่เข้าเกณฑ์ วันที่ 16 มิถุนายน 2568 มีหนังสือจาก TIDC ถึงอดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.ดิจิทัลฯ ขอหารือในการทำงานร่วมกันโดยมีการะบุถึง การทำ World Cain World coin และ World ID เรื่องนี้จึงไม่ได้เกิดในยุคตน
"เรื่อง MOU เกิดขึ้นจริง มีการลงนามระหว่างกระทรวง กับ Prime Opportunity จริง ทำให้เกิด TIDC เพื่อทำแซนบ็อกซ์ ทั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบความร่วมมือกับ NT โดยจะตรวจสอบด้วยว่า MOU ถูกใช้ไปในด้านไหนบ้าง หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบ "


