หลังจากไทยเปิดประมูลสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ในปี 2561 เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานและเพิ่มการผลิตในอ่าวไทย รัฐบาลได้ลงนามสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) แปลง G1/61 เมื่อปี 2562 โดยมี บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ในเครือ ปตท.สผ. ถือสิทธิ 60% และเป็นผู้ดำเนินงาน (Operator) ร่วมกับ บริษัท เอ็มพี จี2 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งถือสิทธิ 40%
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายดำเนินการสำรวจในพื้นที่แปลงดังกล่าว ซึ่งเป็นแหล่งปิโตรเลียมสำคัญในอ่าวไทยตอนบน มีศักยภาพด้านน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้ในประเทศได้ แต่ล่าสุด เอ็มพี จี2 ประกาศถอนตัวจากการลงทุนในไทย และยื่นขอโอนสิทธิทั้งหมดให้กับ ปตท.สผ.
มติ ครม. เห็นชอบโอนสิทธิ
ล่าสุด วันนี้ (19 ส.ค. 2568) ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้ เอ็มพี จี2 (ประเทศไทย) จำกัด โอนสิทธิประโยชน์และพันธะในสัญญา PSC แปลง G1/61 ทั้งหมดให้แก่ ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งจะทำให้ ปตท.สผ. ขึ้นเป็นผู้รับสัญญาและผู้ดำเนินงานเพียงรายเดียว
การโอนสิทธิครั้งนี้จะช่วยให้ ปตท.สผ. มีอิสระในการตัดสินใจด้านการลงทุนและการพัฒนาโครงการได้รวดเร็วขึ้น ลดความซับซ้อนในการบริหารงานร่วมทุน และสนับสนุนให้แหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทยถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในประเทศ
พลังงาน ยืนยัน ไม่กระทบรายได้รัฐ
กระทรวงพลังงานยืนยันว่า แม้ผู้ร่วมทุนเหลือรายเดียว แต่รายได้ของรัฐจากค่าภาคหลวง ภาษี และผลประโยชน์ปิโตรเลียมตามสัญญายังคงเดิม โดยการพิจารณาโอนสิทธิผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการปิโตรเลียมแล้วว่า ปตท.สผ. มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งด้านเทคนิคและการเงิน
ทั้งนี้ เมื่อ ครม. ไฟเขียวแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการลงนามในเอกสารโอนสิทธิอย่างเป็นทางการและออกสัญญาแบ่งปันผลผลิตฉบับปรับปรุง เพื่อให้ ปตท.สผ. เดินหน้าสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจากแปลง G1/61 ได้เต็มรูปแบบ