‘เซมิคอนดักเตอร์’ ถูกยกให้เป็นหัวใจของเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ เพราะเป็นชิ้นส่วนหลักของเทคโนโลยีเกือบทุกวงการ ตั้งแต่ AI, ดาต้าเซ็นเตอร์, ยานยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงสมาร์ทโฟนและหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมนี้มีมูลค่าตลาดทะลุ 6 แสนล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะพุ่งแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2030 ทำให้แต่ละประเทศเร่งช่วงชิงการลงทุนและบุคลากรด้านชิปขั้นสูง
ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) นำโดย นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ จับมือกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ยกทัพโรดโชว์สหรัฐฯ เมื่อ 8–12 ก.ย. 2568 เผยเข้าไปเจาะลึก 2 รัฐใหญ่ แอริโซนา และ แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของโลก เพื่อพบปะยักษ์ใหญ่กว่า 10 ราย ทั้ง TSMC, Intel, NXP, Microchip, Analog Devices และ Lumentum
การเดินทางครั้งนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญ คือการร่วมเป็นสักขีพยานลงนาม MOU ระหว่าง อว. และมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนา (ASU) เพื่อพัฒนากำลังคนไทยกว่า 80,000 คนใน 5 ปี ผ่านการออกแบบหลักสูตร การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศไทย

บีโอไอย้ำว่าเป้าหมายใหญ่ของ ‘บอร์ดเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ’ คือ
1. ดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมชิปและอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ไม่น้อยกว่า 5 แสนล้านบาทภายใน 5 ปี
2. พัฒนาบุคลากรด้านเซมิคอนดักเตอร์อย่างน้อย 80,000 คนในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อสร้างฐานอุตสาหกรรมครบวงจรในไทย
นฤตม์ ย้ำ ไทยมีศักยภาพต่อยอดจากจุดแข็งเดิมในด้านการประกอบและทดสอบอิเล็กทรอนิกส์กว่า 50 ปี สู่การก้าวขึ้นเป็นฐานการออกแบบ วิจัย พัฒนา และผลิตชิปขั้นสูง หากสามารถดึงบริษัทระดับโลกเข้ามาลงทุนได้พร้อมกับสร้าง Ecosystem และซัพพลายเชนภายในประเทศ
“เป้าหมายของไทยคือการสร้าง Made-in-Thailand Chip ให้เกิดขึ้นจริง”
— เลขาธิการบีโอไอย้ำ
ทั้งนี้ ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565–2567) มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนด้านเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแล้วกว่า 406 โครงการ มูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป จีน และไต้หวัน ยิ่งตอกย้ำว่า ‘ไทย’ กำลังถูกจับตามองเป็น ฐานใหม่ของอุตสาหกรรมชิปในเอเชีย
