เขื่อนภูมิพล พร้อมรับมือพายุ สทนช. ย้ำบริหารจัดการน้ำรอบคอบ ไม่กระทบประชาชน
นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก พร้อมประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังได้รับสั่งจากนายกรัฐมนตรีให้เตรียมพร้อมรับพายุ “คัลแมกี” ซึ่งจะทำให้ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสานมีฝนเพิ่มขึ้นช่วง 7–9 พฤศจิกายนนี้ ปีนี้ฝนสะสมสูงกว่าค่าปกติ 8% ทุกหน่วยต้องบริหารจัดการน้ำทั้งระบบลุ่มน้ำ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งและลดผลกระทบจากพายุให้ได้มากที่สุด
เขื่อนภูมิพลมีน้ำกักเก็บ 13,195 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 98% ของความจุ คาดมีน้ำไหลเข้าเพิ่มกว่า 300 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงเห็นชอบให้ กฟผ. ปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดตั้งแต่ 30–60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยไม่ให้ระดับน้ำท้ายน้ำเพิ่มเกิน 20 เซนติเมตร
น้ำจากเขื่อนจะไหลสู่แม่น้ำปิง ผ่านจังหวัดตาก กำแพงเพชร และนครสวรรค์ ก่อนถึงเขื่อนเจ้าพระยาใน 8–9 วัน ซึ่งไม่ส่งผลให้ระดับเหนือเขื่อนเพิ่มขึ้น สทนช. กำชับทุกหน่วยติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด และสื่อสารเตือนประชาชนล่วงหน้า
ลุ่มน้ำภาคกลางเตรียมรับผลกระทบใน 2–3 วันข้างหน้า
ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นในภาคกลางมาจากฝนหนักช่วงปลายตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายน ซึ่งขณะนี้ไหลมาถึงภาคกลางแล้ว กรมชลประทานจึงเพิ่มการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาจาก 2,500 เป็น 2,700 ลบ.ม./วินาที เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่ตอนล่าง
พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาพื้นที่แก้มลิงและเขตชลประทานเพื่อหน่วงน้ำ ลดแรงดันในลำน้ำหลัก ป้องกันไม่ให้เขื่อนป้องกันน้ำท่วมเสียหายเหมือนเหตุการณ์ปี 2554 และ 2565
นายภราดรย้ำว่าต้องเร่งตัดสินใจและดำเนินการเชิงรุกภายใน 1–2 วันนี้ เพื่อควบคุมสถานการณ์ก่อนสายเกินไป และเน้นให้ทุกหน่วยประสานงานใกล้ชิดกับ สทนช. กรมชลประทาน และกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
