กฎหมายฟองเงินในตลาดทุน สู้สแกมเมอร์ รับมือศึกใหญ่
ประเทศไทยกำลังเจอ “ภัยเงียบ” ที่อันตรายกว่าที่คิดเมื่อขบวนการฟอกเงินสุดเนียน ใช้ ตลาดหุ้นไทย เป็นที่ซ่อนเงินผิดกฎหมายจากอาชญากรรมออนไลน์ การพนัน หรือคอลเซ็นเตอร์สแกม
แม้จะมีกฎหมายฟอกเงินที่ว่าครอบคลุมสุด ๆ แล้ว เช่น พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ.2542 และแก้ไขหลายรอบ มีกฎเข้มเรื่องตรวจสอบตัวตน (KYC, CDD) และหน่วยงานดูแลเพียบ ทั้ง ก.ล.ต., ปปง., ธนาคารแห่งประเทศไทย, กระทรวงดีอี แต่ของจริงกลับไม่เวิร์กเท่าที่ควร เพราะแต่ละหน่วยมีอำนาจคนละส่วน จนเกิด “ช่องโหว่” ให้คนร้ายใช้ตลาดทุนไทยเป็นทางผ่านของเงินสกปรกได้ง่ายมาก
ฟอกเงินในตลาดหุ้นไทย ทำยังไง? ไม่ได้แค่ซื้อขายหุ้นเล่น ๆ — แต่เป็นแผนที่คิดมาแล้วละเอียดระดับองค์กรอาชญากรรม ซื้อหุ้นผ่านนอมินี (ตัวแทนถือหุ้นแทน)แบ่งชื่อถือหุ้น กระจายหลายคน เพื่อเลี่ยงการแจ้งข้อมูลผู้ถือหุ้นจริง ที่กฎหมายบังคับให้รายงานเมื่อถือเกิน 5% → ทำให้ “เจ้าของตัวจริง” ไม่มีชื่อในระบบ แต่ยังคุมกิจการอยู่ ลงทุนบริษัทจริง เพื่อฟอกเงินต่อเนื่อง ขบวนการต่างชาติ พยายามซื้อหุ้นบริษัทพลังงานหรือแพลตฟอร์มดิจิทัลในไทย มูลค่าเป็นพันล้าน เพื่อใช้เป็นช่องทางหมุนเงินฟอกอย่างต่อเนื่อง ใช้หุ้นและคริปโตเป็นสะพาน บางเคสเอาเงินผิดกฎหมายไปเปลี่ยนเป็นคริปโต →เทรดในเว็บคริปโตไทย → ซื้อหุ้นต่ออีกที ทำให้เงินดู “สะอาด” เพราะผ่านระบบถูกกฎหมายมาแล้วหลายชั้น ปัญหาหลักคือ “อำนาจทับซ้อน”ก.ล.ต. เรื่องตลาดหลักทรัพย์ แต่ถ้าเป็น “โกงทั่วไป” ที่ไม่ผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ → ไม่มีสิทธิ์สอบ ปปง. มีอำนาจตามกฎหมายฟอกเงิน แต่ไม่รู้รายละเอียดกลไกตลาดหุ้น ตำรวจไซเบอร์ รับผิดชอบสแกม → แต่ไม่มีเครื่องมือระดับตลาดทุน
ผลลัพธ์คือ… “หน่วยงานรู้แต่ทำอะไรไม่ได้” สแกมเมอร์เลยใช้ช่องว่างนี้ล้างเงินผ่านระบบการเงินไทยอย่างต่อเนื่อง
สแกม คือ วิกฤตเศรษฐกิจและชื่อเสียงประเทศ ปีเดียว คนไทยกว่า 60% เคยโดนสแกม เสียหายรวม กว่า 110,000 ล้านบาทเฉลี่ยคนละ 13,000 บาท มีคดีสแกมเกิน 1 ล้านเคสใน 3 ปีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ประเทศอเพราะนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจีน เริ่มไม่มั่นใจ ทำให้ยอดนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 35% และรายได้ท่องเที่ยวตกตาม
ทำไมเราถึงแพ้เกมนี้?เทคโนโลยีของคนร้ายล้ำกว่า พวกนี้ใช้บอท ระบบคริปโต และ AI ปลอมเอกสารได้เนียนสุด ๆ ระบบกฎหมายไทย “ช้า” และซับซ้อน ต้องผ่านหลายขั้นตอน หลายหน่วยงาน พอจับได้ก็ปิดไม่ทัน เพราะเงินย้ายออกไปต่างประเทศแล้ว มีรัฐหนุนหลังในบางประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ขบวนการจากกัมพูชาบางกลุ่มที่มีสายสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจ ทำให้จับยากมาก
แล้วไทยควรทำยังไง? รวมศูนย์ข้อมูลการเงินและตลาดทุนแบบ “Real-time” ให้ ปปง. และ ก.ล.ต. แชร์ข้อมูลกัน แก้กฎหมายให้ SEC มีสิทธิ์สอบเรื่องฟอกเงินในตลาดหุ้นได้โดยตรง เข้มเรื่อง เปิดเผยชื่อผู้ถือหุ้นจริง ใช้ AI ตรวจจับธุรกรรมผิดปกติ และระบบวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ถือหุ้น สร้าง “Financial Crime Fusion Center”ทุกหน่วยไว้ในจุดเดียว
ล่าสุดจนมาถึง พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การฟอกเงินในตลาดทุน มาตรการที่ทำมาป้องกันการฟอกเงินในตลาดหุ้น โดยบังคับให้บริษัทในตลาดหลักทรัพย์เปิดเผยข้อมูลผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง และ ตรวจสอบบัญชีลงทุนที่น่าสงสัยอย่างเข้มงวด ซึ่งจะเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับระบบการเงินจากการกระทำผิดกฎหมาย กลไกสำคัญ
เปิดเผยข้อมูลผู้รับผลประโยชน์ (Beneficial Owner) กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนต้องเปิดเผยข้อมูลผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง เพื่อป้องกันการใช้บริษัทบังหน้าเพื่อปกปิดการฟอกเงิน ตรวจ สอบธุรกรรม เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบัญชีลงทุนที่น่าสงสัย เพื่อให้สามารถระบุและติดตามธุรกรรมที่ผิดปกติได้ ป้องกันภัยไซเบอร์ นอกจากมาตรการทางการเงิน ยังมีการเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยเฉพาะการป้องกันการหลอกลวงทางอีเมล และยกระดับความปลอดภัยในภาคการเงินให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
จุดมุ่งหมายของเรื่องนี้คือ ความพยายามป้องกันการใช้ตลาดทุนเป็นช่องทางฟอกเงิน: ช่วยให้การฟอกเงินที่ซับซ้อนในตลาดหุ้นทำได้ยากขึ้น รักษาความน่าเชื่อถือ: ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตลาดทุนไทย ยกระดับการลงทุน: เพิ่มความปลอดภัยในการลงทุนให้กับนักลงทุน
ตลาดหุ้นไทยกำลังเป็นสนามรบใหม่ของ “ขบวนการฟอกเงินยุคดิจิทัล” มาตรการกฎหมายป้องกันการฟองเงินในตลาดทุน น่าจะเป็นวิธีช่วยให้สแกมเมอร์ ทำงานได้ยากขึ้น หรือ ทำไม่ได้เลย ต้องดูกันต่อไปว่า พ.ร.ก.ป้องกันการฟองเงินในตลาดทุน จากเป็น ยาที่แรงพอหรือต้องพึ่งยาขนานอื่นที่แรงกว่า


